|
นวัตกรรมเพื่อผู้บริโภคการกลับมาของ "โกดัก"
ผู้จัดการรายสัปดาห์(12 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"โกดัก" หวนคืนตลาดกล้องดิจิตอล ชูกลยุทธ์เด็ด "นวัตกรรมเพื่อผู้บริโภค" ส่งกล้องรุ่นใหม่ "อีซีแชร์ วี610" หวังตีตื้น มั่นใจขอแต่ท็อปไฟว์ปีนี้ ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 10% ที่ตลาด 9 แสนยูนิต ยอมรับ "ยังไม่สายเกิน" ที่โกดักจะคัมแบ็กในตลาดกล้องดิจิตอลอีกครั้ง
"โกดักได้ทำการวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อผู้บริโภคเสมอมา เราพยายามประดิษฐ์สิ่งที่สลับซับซ้อน ให้ออกมาในรูปแบบที่ง่าย วันนี้เราได้พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าตัวใหม่ของเรา คือ กล้องดิจิตอลที่ไม่เพียงแต่ ถ่ายภาพได้เท่านั้น หากแต่ยังสามารถแชร์รูปภาพ และนำรูปภาพออกมาด้วยวิธีที่คุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพื่อตอบสนองความต้องการขอลลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความล้ำสมัยและมีสไตล์โดดเด่น" สตีเว่น เจ แซสซัน ผู้คิดค้นกล้องดิจิตอล และวิศวกร บริษัทอีสต์แมน โกดัก จำกัด สหรัฐอเมริกากล่าวถึงหนึ่งในกลยุทธ์ของโกดักที่จะทำให้โกดักหวนคืนสู่ผู้นำผลิตภัณฑ์ทางด้านภายถ่ายโดยเฉพาะตลาดกล้องดิจิตอลโกดัก อีซี่แชร์เลนส์คู่ วี610 เป็นกล้องดิจิตอลที่มีเลนส์ซูมถึง 10 เท่าที่เล็กที่สุดในโลกเวลานี้ โดยมีความหนาไม่ถึง 1 นิ้ว สะดวกที่จะพกพาไปได้ทุกที่ โดยนำนวัตกรรมใหม่ของเลนส์คู่ เรตินา มาใช้ผนวกกับเลนส์คุณภาพระดับโลก SCHNEIDER-KREUZNACH C-VARIOGON และ เลนส์ปริซึมที่ไม่นูนมาใช้ จึงสามารถซูมภาพให้เข้ามาใกล้ได้มากดังที่ต้องการ และด้วยความละเอียด 6 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่นไหวนี้เอง จึงทำให้กล้องโกดัก วี 610 นี้ สามารถจับภาพได้ในระยะใกล้ที่สุดได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพดี ละเอียด คมชัด โดยไม่มีขนาดความใหญ่ของกล้องมาเป็นอุปสรรคในการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังมีจอแอลซีดีขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 230,000 พิกเซลอีกด้วย ที่สำคัญยังได้ผนวกเอาการโอนถ่ายข้อมูลไร้สายหรือบลูทูธเข้ามาร่วมด้วย ทำให้ง่ายในการส่งต่อรูปถ่ายให้กับเพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ในระยะ 30 ฟุต
พัลลภ สันติพันธุ์ ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจถ่ายภาพทั่วไปและถ่ายภาพมืออาชีพ บริษัท โกดัก (ประเทศไทย) จำกัดได้กล่าวถึงสภาพตลาดกล้องดิจิตอลในเมืองไทยว่า ตลาดกล้องดิจิตอลในประเทศนั้น ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวแต่อย่างใด เพียงแต่มีการเติบโตที่ลดลงบ้าง ตลาดในปีนี้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 12-15% แม้จะไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดเหมือนในช่วง 2-3 ปีก่อนก็ตาม
ตลาดประเทศไทยยังมีแนวโน้มความต้องการกล้องดิจิตอลมากขึ้น แม้ในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยลบทางด้านการเมืองจะมีผลต่อการลงทุนในธุรกิจถ่ายภาพอย่างชัดเจน แต่ปัจจัยบวกทางด้านราคาสินค้าที่ถูกลง ส่งผลให้กล้องดิจิตอลปีนี้มีราคาลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 13,000 -15,000 บาทและเทคโนโลยีของกล้องที่ตอบสนองความต้องการมากขึ้น ถือว่ายังสามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดได้
"การที่ทางบริษัทฯ หันเข้ามาเล่นในตลาดกล้องดิจิตอลครั้งนี้ จึงยังไม่ถือว่าสายเกินไป"
ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีดูโอเลนส์หรือเลนส์คู่ ซึ่งถือเป็นจุดขายเฉพาะของทางโกดักในการหันมาจับตลาดกล้องดิจิตอลนั่นเอง
พัลลภยังบอกอีกว่า บริษัทฯ เริ่มเข้ามาจับตลาดกล้องดิจิตอลในประเทศไทยอย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงกลางปี 2548 ที่ผ่านมา โดยเวลาทางบริษัทฯ มีการวางจำหน่ายกล้องดิจิตอลไปแล้วประมาณ 12 รุ่น
โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ เตรียมที่จะนำสินค้ารุ่นใหม่ๆ เข้ามาวางตลาดในปีอีก 16 รุ่น ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการวางจำหน่ายกล้องดิจิตอลดูโอเลนส์ไปแล้วหนึ่งรุ่น วี570 ซึ่งปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก ส่งผลให้บริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 6% เป็น 8% อยู่ในอันดับที่ 5 ของตลาดในขณะนี้
"ปีนี้ คาดว่า โกดักจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากขนาดของตลาดกล้องดิจิตอลในปีนี้ที่คาดว่า จะมีถึง 9 แสนยูนิต"
พัลลภยังบอกอีกว่า ทางบริษัทแม่ โกดักมีแผนส่งนวัตกรรมเทคโนโลยีมาเพื่อกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวเป็นผู้นำในตลาดโลก
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนากล้องดิจิตอลที่สามารถสื่อสารสองทางด้วยการสั่งการให้สื่อสารและส่งภาพโดยระบบเสียง ผ่านเครือข่ายมือถือ หรือเครือข่ายเน็ตเวิร์ก รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีการจดจำหน้าตาบุคคลในภาพเพื่อการจัดเก็บ เพื่อออกมาทำตลาดหลังจากนี้"
สำหรับงบการตลาดที่จะรุกสู่ตลาดกล้องดิจิตอลในปีนี้ของโกดัก พัลลภบอกว่าได้วางงบการตลาดไว้หลายสิบล้านบาทสูงขึ้นอีก 1 เท่าตัวจากปี 2548 เนื่องจากมองว่า ยังมีโอกาสในตลาดอีกมาก สำหรับการเพิ่มยอดขายรวมไปถึงการขยับแชร์ในตลาดได้
เมื่อถามถึงสัดส่วนรายได้ของกล้องดิจิตอลในไทยของโกดักเป็นอย่างไร พัลลภบอกว่า รายได้จากกล้องดิจิตอลคิดเป็นสัดส่วน 40% ของรายได้รวม เพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในสัดส่วน 30% มีอัตราการเติบโต 20-25% โดยมีกล้องดิจิตอล ซี ซีรี่ย์ขายได้มากที่สุด ประมาณ 45% ขณะที่รายได้หลัก 60% มาจากสินค้าเก่า เช่น กล้อง ฟิล์ม กระดาษอัดและกล้องฟิล์ม :ซึ่งมั่นใจว่า ปีนี้ บริษัทฯ จะมีรายได้รวมกว่า 3 พันล้านบาทอย่างแน่นอน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|