"ไดนามิค และ ฉวยโอกาสได้เก่งที่สุด"

โดย สมชัย วงศาภาคย์
นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

สวัสดิ์เป็นคนไดนามิคตลอด 24 ชั่วโมง ลูกน้องคนสนิทของสวัสดิ์ หอรุ่งเรืองในกลุ่มนครไทยคนหนึ่งพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของนายคนนี้ของเขาให้ "ผู้จัดการ" รับรู้

สวัสดิ์อายุ 48 ปีปีนี้ เป็นคนเรียนน้อย แค่ ม. 6 พูดภาษาอังกฤษได้คล่องราวกับคนจบมาจากต่างประเทศ ผมหงอกขาวเกินวัย คล่องแคล่ว เป็นกันเองกับทุกคน ประสบการณ์ชีวิตที่ทำงานในโรงงานมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น สอนให้เขาเป็นนักอุตสาหกรรมทั้งชีวิตจิตใจ และรู้จักเป็นนักฉวยโอกาสที่ดี เขาเคยพูดกับ "ผู้จัดการ" ในเชิงให้ทัศนะว่า "การเป็นนักอุตสาหกรรมต้องเป็นคนที่เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกให้ทัน และสามารถปรับตัวเองได้ตลอดเวลา ตัวอย่างในทัศนะนี้เขายกกรณีชนรุ่นบรรพบุรุษที่มักจะติดยึดวัฒนธรรมเก่า ๆ แบบ OVERSEA CHINESE ในการทำธุรกิจ แม้ประสบความสำเร็จมาจนทุกวันนี้ โดยอ้างว่า มาจากเสื่อผืนหมอนใบนั้นเป็นสิ่งที่ควรต่อต้านทัศนะเหล่านี้ เพราะเขาเชื่อว่า ยุคสมัยปัจจุบัน ความอดทนอย่างเดียวไม่พอแล้วต่อความสำเร็จ มันต้องมีองค์ประกอบของความรู้ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจและวัฒนธรรมการจัดการสมัยใหม่ด้วย

ทัศนะของเขาเช่นนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากความสำเร็จในการบริหารกิจการนครไทยสตีลจากจุดเริ่มต้นที่มีหนี้สินรุงรังแทบล้มละลาย มาจนกระทั่งฟื้นตัวได้ภายในเวลาเพียง 6 ปี และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งในต้นทศวรรษที่ 1990 นี้

คนที่ไดนามิคอยู่ตลอดเวลา เป็นบุคลิกที่สะท้อนแง่หนึ่งของคนในการเตรียมพร้อมเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก สวัสดิ์เป็นคนที่มีบุคลิกสังกัดอยู่คนประเภทนี้

ปี 2524 แม้จะอยู่ในภาวะที่ธุรกิจของเขาร่วมกับพี่ชายและพ่อในนามนครไทย สตีลเวอร์ค ยังไม่มีสุขภาพแข็งแรงนัก แต่เขามองเห็นอนาคตและวิวัฒนาการของสินค้าเหล็กเส้นที่จะต้องก้าวต่อไปทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิตและความต้องการของตลาด "เราจะอยู่ในระบบการผลิตแบบรีดซ้ำอย่างเดียวไม่ได้ อนาคตมันมืด ต้องก้าวออกไปให้ได้ ต้นทุนการผลิตนับวันจะแพง โดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะวัตถุดิบเศษเหล็ก COBBLE PLATE ต้องสั่งจากต่างประเทศ SHIP PLATE นับวันก็น้อยลง น้ำมันซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตก็แพง 2523-2524 ที่ผู้ผลิตเหล็กรีดซ้ำประสบ

สินค้าเหล็กเส้นจากการผลิตแบบ RE-ROLL หรือรีดซ้ำคุณภาพไม่ค่อยได้มาตรฐานขนาดอย่างดีที่สุดก็เพียงแค่ 25 มม. X 10 มม. เท่านั้น ขณะที่แนวโน้มตลาดนับวันงานก่อสร้างขนาดใหญ่ ๆ ที่ต้องการเหล็กเส้นคุณภาพสูงที่เหล็ก RE-ROLL ทำไม่ได้จะต้องเกิดขึ้นอย่างมากแน่นอน "ผมเชื่อในทิศทางตลาดนี้ แต่ผมบอกไม่ได้ว่ามันจะบูมขึ้นมาเมื่อไร" สวัสดิ์พูดถึงความเชื่อของเขาในระหว่างปี 2524

จุดนี้เองที่ทำให้เขากับนักอุตสาหกรรมผลิตเหล็กรีดซ้ำบางราย รวมกลุ่มกันจัดทำโครงการเหล็กสมบูรณ์แบบ (INTEGRATED STEEL COMPLEX) ขึ้นที่ภาคตะวันออก ด้วยงบลงทุน 1,200 ล้านบาท เมื่อปี 2524 ในนามบริษัทเหล็กทิปโก้

วัตถุดิบที่จะป้อนอุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเป็นระบบเตาหลอม ที่มาจากการสกัดเศษเหล็กมาจากเรือเรียกว่า SHIP PLATE โดยจะทำกันกลางทะเลเลย เมื่อได้วัตถุดิบ SHIP PLATE แล้ว ก็จะเข้าเตาหลอม ผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กชนิดต่าง ๆ ป้อนงานก่อสร้างและอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ "ถ้าโครงการนี้เกิดได้ การขาดแคลนเหล็กเส้นเพื่องานก่อสร้างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย"

เหตุที่โครงการเหล็กของบริษัททิปโก้ไม่เกิด เพราะสถาบันการเงินไม่สนับสนุนว่ากันว่าเหตุมาจากความไม่น่าเชื่อถือในเครดิตของกลุ่มผู้ลงทุน และความไม่มีอนาคตของธุรกิจเหล็กเส้นรีดซ้ำในเวลานั้น

ความล้มเหลวในโครงการเหล็กทิปโก้ ไม่ทำให้สวัสดิ์ท้อแท้ใจ หรือหยุดคิด

เขาเก็บความทะเยอทะยานไว้ในใจว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องมีโรงเหล็กที่ทันสมัยกว่า RE-ROLL ให้ได้!

ความทะเยอทะยานของเขาในสิ่งนี้ เป็นความจริงแล้วในปี 2532 หลังจากฝ่าฟันมรสุมหนี้สินแทบกระอักเลือด หลังจากแยกทางทำมาหากินจากพี่ชายคนโตที่ชื่อวสันต์ ซึ่งมีอายุแก่กว่าเขาถึง 20 ปี เพื่อมาสร้างกลุ่มนครไทย ตามลำพังร่วมกับน้องชายที่ชื่อไสว หอรุ่งเรือง
โรงเหล็กเตาหลอมมูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาท ที่เขาดึงกลุ่มซิ-โนไทย ของชวรัตน์ ชาญวีรางกูล และสุมิโตโมแห่งญี่ปุ่นมาร่วมหุ้น โดยเอา ดร. สุธี สิงห์เสน่ห์ประธานกรรมการไอเอฟซีที มานั่งเป็นที่ปรึกษาด้วย คือประจักษ์พยานที่ทำให้ความทะเยอทะยานของเขาเป็นจริง "ผมจะอยู่ในธุรกิจเหล็กตลอดชีวิตของผม" เป็นคำพูดที่บ่งบอกถึง ทิศทางหลักของกลุ่มนครไทยที่เขาควบคุมดูแลอยู่ชัดเจน แม้ว่าจะมีบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อย 4 บริษัท ที่ก่อตั้งขึ้นมาในช่วงปี 2531 เป็นต้นมา หันไปทำธุรกิจที่ไม่ใช่เหล็กคือ พวกพัฒนาที่ดินก็ตาม

จริง ๆ แล้ว "ผู้จัดการ" ได้ทราบทัศนะทางนโยบายของกลุ่มนี้ที่ทำธุรกิจพัฒนาที่ดินนั้นก็เพราะเหตุผล หนึ่ง-มาจากความต้องการหาสถานที่ก่อสร้างโรงงานเหล็กเส้น เตาหลอม 5,000 ล้านบาท เพื่อขายภายในและส่งออก และสอง-เป็นการฉวยโอกาสทางธุรกิจในยามที่กระแสความต้องการที่ดินเพื่อสร้างโรงงานมีอยู่สูงมาก

ธุรกิจพัฒนาที่ดินทั้ง 2 โครงการของสวัสดิ์คือมาบตาพุดและบ่อวิน ศรีราชา เนื้อที่รวมกัน 5,000 ไร่ จึงมีเป้าหมายเพื่อทำเป็นนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือน้ำลึกขนาด 50,000 ตัน (ในนามบริษัทศรีราชาฮาเบอร์)

แน่นอน การพัฒนาที่ดิน 5,000 ไร่ ตามโครงการในแผนงานนี้ เขาต้องหาเงินมาลงทุนเกือบ 10,000 ล้านบาท

แทบไม่น่าเชื่อ เพียง 3 ปี นับจากวันที่เขาฟื้นตัวจากธุรกิจโรงเหล็กนครไทยสตีล เขาสามารถขยายธุรกิจออกไปได้รวดเร็วถึงหมื่นล้านบาท …มันเป็นการฉวยโอกาสทองที่ภาวการณ์ลงทุนในประเทศไทยกำลังดีวันดีคืนได้ฉลาด และกล้าได้กล้าเสียอย่างที่สุด



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.