|
การเมืองบีบธอส.อุ้มบ้านเอื้ออาทรเล็งล้วงธปท.เยียวยากลุ่มรากหญ้า
ผู้จัดการรายวัน(7 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"คลัง-พัฒนาสังคมฯ" เรียก 3 หน่วยงานธอส. การเคหะฯ บตท.ถกด่วนอุ้มบ้านเอื้ออาทร บีบธอส.ตรึงดอกเบี้ย 5.5% สวนทางดอกเบี้ยในตลาดปล่อยกู้รักษานโยบายประชานิยมกว่า 3.6 พันล้านบาท ก่อนหารือแบงก์ชาติของซอฟท์โลนรักษาฐานเสียงรากหญ้าต่อไป พร้อมให้บตท.รับพอร์ตบ้านเอื้ออาทรจากธอส.ทำซีเคียวรีไทเซชั่น "ไชยยศ" ยืนยัน ล้มโครงการโยกเงินฝากแสนล้านแล้ว
นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้หารือกับการเคหะแห่งชาติ(กคช.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์(บตท.) และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(บตท.) เพื่อหาทางบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งลูกค้าที่กู้เงินจากธอส.เพื่อซื้อบ้านเอื้ออาทรจากการเคหะฯ ต่างได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว
เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนการหารือในครั้งนี้จึงมีแนวทางให้ธอส.ตรึงอัตราดอกเบี้ยให้เป็นแบบขั้นบันไดโดยในปีแรกอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.5% ปีที่ 2 คงที่ 6.0% และปีที่ 3 คงที่ 6.5% ปีที่ 4 เป็นต้นไปเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MLR ซึ่งปัจจุบันต้นทุนดอกเบี้ยของธอส.อยู่ที่ระดับ 5.25% การตรึงอัตราดอกเบี้ยให้กับการเคหะฯ ถือว่าธอส.แบกรับภาระไว้มาก
“วงเงินที่ทางธอส.กันไว้สำหรับปล่อยกู้โครงการบ้านเอื้ออาทรที่ในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,636 ล้านบาท และมีจำนวนบ้านที่เหลือจำนวน 10,000 หน่วย ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากและธอส.ต้องแบกรับภาระต้นทุนทางการเงินที่สูง แต่เป็นการทำเพื่อสังคมให้ประชาชนหลายล้านรายมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองจึงไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องกำไรมากนัก” นายไชยยศกล่าว
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า หากวันนี้ ธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร ระยะ 14 วัน (อาร์พี 14 วัน) เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม แต่ในส่วนของธนาคารนั้น จะรอดูแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก่อน
ทั้งนี้ หากธนาคารพาณิชย์ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี เกินอัตรา 5.5% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุดของธนาคาร และทำให้เงินฝากของธนาคารไหลออก หรือสภาพคล่องลดลงเหลือ 10% จากปัจจุบัน 18% ธนาคารก็จะทำการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เพื่อรักษาฐานลูกค้า แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด เพื่อช่วยเหลือประชาชน ในภาวะที่ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี มาอยู่ที่ 5.5% ซึ่งสูงที่สุดแล้ว หากธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นมากกว่าระดับนี้แล้วทำให้เงินของธนาคารไหลออก ธนาคารก็อาจจะต้องปรับขึ้น ซึ่งธนาคารมีเวลาในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 1-2 เดือน นับตั้งแต่ธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้”
นายวัฒนา เมืองสุข รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ประชาชนที่กู้เงินธอส.ซื้อบ้านเอื้ออาทรที่มีการปล่อยกู้ไปแล้วจะรับภาระการผ่อนบ้านงวดละ 1,500 บาท โดยวงเงินดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยคงที่จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนกลุ่มดังกล่าว แต่ประชาชนที่กำลังจะโอนบ้านภายในสิ้นปีนี้จะรับภาระดอกเบี้ยในปีแรก 5.5% ทำให้ต้องผ่อนบ้านต่องวด 1,800 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ประชาชนยอมรับได้
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวถือเป็นการช่วยเหลือประชาชนในระยะสั้นเท่านั้นซึ่งในระยะยาวทางกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะเข้าหารือกับม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน ให้กับธอส.เพื่อมาเฉลี่ยต้นทุนทางการเงินของธอส.ให้ต่ำลง ส่วนวงเงินที่จะขอกู้จากแบงก์ชาติยังไม่ได้กำหนดเพราะต้องรอให้ธอส.คำนวนต้นทุนทางการเงินก่อน
นายไชยยศกล่าวว่า นอกจากการตรึงดอกเบี้ยให้กับผู้กู้แล้วกระทรวงการคลังยังได้สั่งการให้บตท.ไปศึกษาข้อมูลเพื่อทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ หรือ ซีเคียวรีไทเซชั่น จากพอร์ตสินเชื่อบ้านเอื้ออาทรที่ธอส.ปล่อยกู้เพื่อให้ธอส.มีสภาพคล่องเพื่อปล่อยกู้ให้กับประชาชนที่ต้องการกู้เงินซื้อบ้านเอื้ออาทรได้
นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า กคช.ได้เลิกการปล่อยกู้ให้กับประชาชนที่ซื้อบ้านจากกคช.มาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว เนื่องจากต้นทุนทางการเงินของกคช.ไม่สอดคล้องกับการปล่อยกู้ โดยกคช.ออกพันธบัตรเป็นเวลา ปี 5 ปี แต่ต้องมาปล่อยกู้ระยะยาวถึง 30 ปี สินเชื่อส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ธอส.เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้มูลค่าบ้านเอื้ออาทรที่เหลือที่ยังไม่มีการโอนจนถึงสิ้นปี 2553 มีมูลค่ารวม 213,000 ล้านบาท
ล้มโยกเงินฝากแสนล้านแล้ว
นายไชยยศ กล่าวยอมรับด้วยว่า แนวทางการโอนย้ายเงินนอกงบประมาณของหน่วยราชการไปยัง ธอส.และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)ไม่สามารทำได้แล้ว เนื่องจากการโอนย้ายเงินโดยที่ได้รับผลตอบแทนต่ำกว่านั้น ไม่มีหน่วยงานใดสมัครใจทำได้ ซึ่งรัฐบาลต้องวางแนวทางใหม่แทน
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ กระทรวงการคลัง ไม่ได้มีการรายงานแนวทางการช่วยเหลือประชาชนผู้มีภาระผ่อนบ้าน โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่อไปอีกระยะ แต่ไม่สามารถลดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ เพราะจะกลายเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด เนื่องจาก ธอส.มีต้นทุนดำเนินการสูง ในขณะที่ ไม่สามารถหาแหล่งเงินต้นทุนต่ำได้ อีกทั้ง ปัจจุบัน ลูกค้า ธอส. ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น แต่ลูกค้าใหม่ อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง ดังนั้น จึงต้องหาแนวทางให้ ธอส. ได้แหล่งเงินต้นทุนต่ำ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|