|
BSCซุ่มผุดชอป-แตกไลน์สินค้าชูโมเดล"มาร์ก&สเปนเซอร์"บุก
ผู้จัดการรายวัน(5 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"บีเอสซี" ชูโมเดลมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ต้นแบบ เล็งแตกไลน์สินค้าข้ามสายพันธุ์ ปั้นแบรนด์จากกลางค่อนบนลงสู่ตลาดก้ำกึ่งแมส จากธุรกิจเสื้อผ้า-เครื่องสำอาง ลามสู่คอนซูเมอร์โปรดักส์ลุยตลาดเพื่อสุขภาพ ระบุสนใจผุดชอปจำหน่ายสินค้าครบทุกไลน์ ส่วนปีนี้อัดฉีดงบการตลาด 100 ล้านบาท สิ้นปีรายได้แตะ 2 พันล้านบาท
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดของแบรนด์"บีเอสซี" จะมีโมเดลคล้ายกับ"มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์" โดยภายใต้แบรนด์เดียวกันแต่จะมีการทำตลาดข้ามสายพันธุ์ เช่น มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ มีการทำไลน์ธุรกิจตั้งแต่เสื้อผ้ามาสู่การทำสกินแคร์และขนมขบเคี้ยว
สำหรับจุดกำเนิดของบีเอสซี เริ่มต้นด้วยการสร้างแบรนด์จากเสื้อผ้าผู้หญิง เครื่องสำอาง เสื้อผ้าผู้ชาย ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ จากนั้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ บีเอสซีเริ่มแตกไลน์ธุรกิจสู่ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค
การแตกไลน์ใหม่นี้นำร่องด้วยการเปิดตัวยาสีฟัน-แปรงสีฟันไฮเฮิร์บ โดย "บีเอสซี" หรือ Hi Herb by bsc ตามด้วยการเปิดตัวชาเขียวพร้อมดื่ม กระดาษเช็ดหน้าและเมื่อย่างก้าวสู่ปีที่ 6 ในปีนี้บีเอสซีเปิดตัวด้วยการลงสู่ตลาดแผ่นอมระงับกลิ่นปาก
สำหรับการรุกตลาดคอนซูเมอร์ภายใต้แบรนด์"บีเอสซี"เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับแมสเป็นหลัก ส่วนกลุ่มเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ฯลฯ จะเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลางค่อนบน ส่งผลให้แบรนด์บีเอสซีในขณะนี้เป็นแบรนด์ที่ก้ำกึ่งในระดับแมส อย่างไรก็ตามบริษัทฯมั่นใจว่าแบรนด์บีเอสซีจะไม่เสีย จากการที่ทำสินค้าหลากหลายนี้
ทั้งนี้เพราะทางบริษัทฯมีการคุมทิศทาง ในเรื่องของการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์"บีเอสซี" โดยจะคำนึงถึงความสอดคล้องของแบรนด์เป็นหลัก อย่างกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคบีเอสซีจะเน้นแนวเพื่อสุขภาพ ซึ่งในส่วนนี้ทางสหพัฒน์จะเป็นผู้ดูแลด้านการพัฒนาและการทำตลาด ขณะที่กลุ่มธุรกิจเสื้อผ้าชาย-หญิง เครื่องสำอาง ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ บีเอสซีจะเป็นแบรนด์ที่มีไลฟ์สไตล์ ซึ่งในส่วนนี้ทางบริษัท ไอ.ซี.ซี.ฯ จะเป็นดูแลด้านการออกแบบ-การตลาด โดยภายใต้แบรนด์บีเอสซีปีนี้บริษัทฯทุ่มงบการตลาดประมาณ 100ล้านบาท
นายธรรมรัตน์ กล่าวว่า การพัฒนาแบรนด์บีเอสซีมาถึงในระดับหนึ่งแล้ว การรับรู้ตราสินค้าของผู้บริโภคดีมาก หลังจากที่บริษัทฯได้สร้างแบรนด์นี้เข้าสู่ปีที่ 6 และอนาคตอันใกล้บริษัทฯจะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆเพิ่มเติม
พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนเปิดชอป "บีเอสซี" ในลักษณะมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ โดยมีสินค้าหลากหลายกลุ่มเข้าไปจำหน่ายภายในร้าน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง เสื้อผ้าหญิง-ชาย กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยการขยายรูปแบบชอปบีเอสซี ทางบริษัทฯถือว่ามีความพร้อมแล้วที่จะทำ แต่ขณะนี้คงจะต้องรอดูถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการตลาดก่อน
"ก่อนหน้าที่บริษัทฯจะปั้นแบรนด์บีเอสซี เราคิดว่าจะเปิดชอปคล้ายกับมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์เลย แต่พอมาพิจารณากันอีกครั้งมองว่าน่าจะสร้างแบรนด์ก่อน เพื่อให้บีเอสซีมีการเติบโตตามแต่ละตลาดที่ทำมากกว่า จากนั้นถึงจะรุกอย่างเต็มรูปแบบด้วยการเปิดชอป แต่ปัจจุบันด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า-เครื่องสำอาง ฯลฯ ซึ่งจัดเป็นสินค้าแฟชั่นและฟุ่มเฟือย ผู้บริโภคจึงมีการชะลอการซื้อไปบ้างแต่ไม่มากนัก"
สำหรับผลประกอบการปีที่ผ่านมาของบีเอสซีราว 1,500-1,600 ล้านบาท คาดว่าปีนี้รายได้จะมีประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ กลุ่มเสื้อผ้าผู้หญิง เครื่องสำอาง ชุดชั้นใน 50% กลุ่มเสื้อผ้าผู้ชาย 25% และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 25%
อย่างไรก็ตามนอกจากบริษัทฯจะรุกตลาดภายในประเทศด้วยการขยายไลน์สินค้าไปสู่ตลาดใหม่แล้ว บีเอสซียังเน้นขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยการรุกสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้บีเอสซีได้เป็นสปอนเซอร์เวทีประกวดนางงามของสหรัฐอเมริกาถึง 3 เวที เป็นต้น
ด้านนายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของไอ.ซี.ซี.เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเติบโตเกิน 15% เนื่องจากสินค้าหลายแบรนด์ได้รับอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคที่ใช้แบรนด์เนม หันมาซื้อสินค้าของบริษัทมากขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ยอดขายจะมีอัตราการเติบโตตามเป้าหมาย คือ 15% จากในปีที่ผ่านมาผลประกอบการ ไอ.ซี.ซี.มีประมาณ 11,500 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|