|
SALEEถือสาลี่เอคอทเป็น 90%เหตุสิงคโปร์ทิ้งนโยบายขัดแย้ง
ผู้จัดการรายวัน(2 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
SALEE ซื้อหุ้น สาลี่ เอคอท (ประเทศไทย) เพิ่มจากเดิม 52% เป็น 90% หลังจากพันธมิตรสิงคโปร์ขายหุ้นที่ถืออยู่ 38% ออกมาทั้งหมด "สาทิส" เผยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน พร้อมเดินหน้าหาพันธมิตรใหม่มาร่วมดำเนินงาน และยังคงเป้ารายได้ปีนี้ 500 ล้านบาท
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่า ตามที่ได้ลงทุนในบริษัท สาลี่ เอคอท (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 52% ซึ่ง SALLE ได้ลงขันกับ Ray Tech Acot Singapore Pte Ltd. เป็นบริษัทในกลุ่ม Acot Group ซึ่งมีโรงงานทำแม่พิมพ์อยู่ทั่วโลกกว่า 11 แห่ง เพื่อผลิตแม่พิมพ์จำหน่าย
โดยวานนี้ SALEE แจ้งการเพิ่มสัดส่วนลงทุนในบริษัทดังกล่าว โดยซื้อหุ้นสาลี่ เอคอท ฯ จากผู้ร่วมทุนเดิมกลุ่ม Ray Tech Acot Singapore Pte Ltd. จำนวน 95,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวม 9,500,000 บาท ส่งผลให้ SALEE มีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิม 52% เป็น 90% ซึ่งได้เข้าซื้อหุ้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2549 โดยใช้ราคาตามมูลค่าทางบัญชี ณ วันที่ 30 เมษายน 2549 ของ บริษัท สาลี่ เอคอท ซึ่งราคาจ่ายซื้อเท่ากับ 6.8 ล้านบาท
การที่ SALEE เข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เนื่องจากกลุ่ม Ray Tech Acot Singapore Pte Ltd. ต้องการขายหุ้นออก เนื่องจากนโยบายในการดำเนินธุรกิจไม่สอดคล้องกันกับบริษัท ซึ่งขนาดของรายการคิดเป็นประมาณ 2.42% ของสินทรัพย์สุทธิของบริษัท (ซึ่งมีจำนวน 281 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค. 2549) หรือคิดเป็นประมาณ 0.99% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท (ซึ่งมีจำนวน 687 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549)
อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่ม Ray Tech Acot Singapore Pte Ltd.ได้ขายหุ้นคืน 38% ให้กับบริษัทจะไม่กระทบกับธุรกิจของบริษัท เพราะแม้จะขายหุ้น แต่ยังคงเป็นพันธมิตรต่อกัน และยังดำเนินธุรกิจร่วมกันในการหาลูกค้าให้กับ SALEE อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิงคโปร์จะได้ผลประโยชน์เพียงแค่ค่าคอมมิชชั่นจากการหาลูกค้า ขณะที่การรับรู้รายได้จะไม่มีเนื่องจากไม่มีหุ้นในมือแล้ว
"นโยบายที่ไม่สอดคล้องกัน เราจึงซื้อคืน แต่เขาก็ยังหาออร์เดอร์ให้ หากเขามีมาเราก็จ่ายเพียงค่าคอมมิชชั่นให้เท่านั้น และขณะนี้เราได้หาคนใหม่เข้ามาบริหารในการผลิตทูลลิ่งหรือโมล ที่มีความชำนาญมากว่า 20 ปี เพื่อบริหารงานต่อจากสิงคโปร์ ซึ่งงานของเราไม่มีปัญหาในด้านการบริหารงาน " นายสาทิสกล่าว
นายสาทิสกล่าวเพิ่มว่า SALEE จะหาพันธมิตรรายใหม่ ที่จะเข้ามาร่วมดำเนินการใน บริษัท สาลี่ เอคอท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งและให้แน่ใจกันก่อน เพื่อที่จะไม่เกิดความผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะเห็นภาพได้ช่วงไหน เพราะต้องขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งสองฝ่ายด้วย ขณะที่ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อรายได้ของบริษัทและจะสามารถทำรายได้ไว้ที่ระดับ 500 ล้านบาทปีนี้ เนื่องจากบริษัทอิงกับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ที่ฟื้นตัวและดีขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 48
ขณะที่สำนักงานตัวแทนของ SALEE ที่จะเปิดในออสเตรเลียเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากมีตัดขัดปัญหาบางอย่าง ซึ่งขณะนี้จึงทำได้เพียงส่งสินค้าไปจำหน่ายตามออร์เดอร์และยังพบว่ามีออร์เดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|