ธุรกิจป้ายไทยหวังเป็นฮับในเอเชีย เชื่อธุรกิจในประเทศอย่างเก่งโต 10 %


ผู้จัดการรายวัน(1 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“ไอบริก” ดึง 4 ยักษ์ใหญ่วงการธุรกิจป้ายและโฆษณา จัดงาน Sign Asia EXPO’06 Thailand หวังดันไทยเป็นฮับของภูมิภาคเอเชียใน 5 ปี ด้านตลาดในประเทศมองว่า อย่างเก่งโตแค่ 10 % ก็หรูแล้ว เหตุลูกค้าเบรกการลงทุน ชี้ต้องงัดกลยุทธ์เอ็ดดูเคชั่นสร้างยอดขาย เผยล่าสุดไตรมาสแรกธุรกิจมีรายได้ไป 1,500 ล้านบาท

นายสักกฉัฐ ศิวะบวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบริก จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับจัดงาน ในฐานะประธานจัดงาน Sign Asia EXPO’06 Thailand เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีการจับมือกับ 4 พันธมิตรหลักของวงการธุรกิจป้ายและโฆษณา ได้แก่ สมาคมป้ายโฆษณาเอเชีย (ASA), สมาคมผู้ผลิตป้ายและโฆษณา (ASPA), ชมรมไทยอิงค์เจท (TIC) และสมาคมการพิมพ์สกรีนไทย (TSGA) ในการจัดงาน Sign Asia EXPO’06 Thailand ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ในการที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็น มาร์เก็ต เพลส หรือ ฮับ ในอุตสาหกรรมป้ายและโฆษณาของภูมิภาคเอเชียให้จงได้

โดยการจัดงานดังกล่าวจะมีขึ้นณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม 2549 ซึ่งในวันที่ 28-30 กันยายน เป็นวันเจรจาธุรกิจ และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เบื้องต้นบริษัทฯใช้งบส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ทั้งสิ้น 8 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 15,000-20,000 คนโดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นเอ็กซ์ฮิบิเตอร์ในประเทศต่างๆทั่วโลก

ด้านนายนพดล ตัณศลารักษ์ นายกสมาคมผู้ผลิตป้ายและโฆษณา (ASPA) กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการก้าวสู่การเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมป้ายและโฆษณา ให้เป็นที่ยอมรับของสมาชิกทั้งสมาคมฯและในเอเชีย เทียบเท่า ISA ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตั้งเป้าหมายว่าไทยจะเป็นฮับในภูมิภาคเอเชียได้ภายใน 5 ปี นับจากนี้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการในธุรกิจ OHM (Out of Home Media) ทั้งหมด

ส่วนอุตสาหกรรมป้ายและโฆษณาในประเทศนั้น ถึงแม้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา จะมีการชะลอตัวเกิดขึ้น ทั้งจากปัญหาการเมือง น้ำมัน ความวุ่นวายทางภายใต้ แต่อุตสาหกรรมฯยังสามารถมีรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ มองว่า อุตสาหกรรมฯจะมีการเติบโตมากที่สุดเพียง 5 -10 % ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว เนื่องจากลูกค้าชะลอการลงทุนในการใช้งบประมาณเกี่ยวกับสื่อลดลงนั้นเอง

ดังนั้นผู้ประกอบการจะอยู่ได้ในสภาวะแบบนี้ จึงต้องมีการเมนเทรนตัวเองให้ดีที่สุด พร้อมกับหันมาใช้กลยุทธ์เอ็ดดูเคชั่น สร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้าถึงคุณประโยชน์ของการใช้สื่อป้ายโฆษณากลางแจ้งว่าดีเช่นไร ถูกและคุ้มค่ากล่าวในสื่อแมสอย่างไร จึงจะช่วยให้อยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

นายนพดล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การหันมาผลักดันให้ลูกค้าหันมาใช้สื่อป้ายโฆษณากลางแจ้งแทนสื่อแมสมีเดียอย่างสื่อโทรทัศน์ หรือสื่อวิทยุนั้น อาจจะส่งผลให้ตลาดรวมของแมสมีเดียลดลงบ้างแต่ไม่มากเท่าใด ในขณะที่ลูกค้ายังถือเป็นตัวแปรหลักในการที่จะเลือกใช้สื่อในการโฆษณาประชาสัมพันธ์

“สภาวะเช่นนี้ ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ลูกค้าว่าจะเลือกใช้การโฆษณาผ่านสื่อใด ที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และคุ้มค่าที่สุด ดังนั้นการที่พยายามผลักดันให้ป้ายโฆษณากลางแจ้งเป็นหนึ่งทางเลือกนั้น เชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมป้ายและโฆษณายังสามารถเติบโตได้ 10 % อย่างแน่นอน ในขณะที่สื่อแมสมีเดียอาจจะมีมูลค่าลดลง แต่ไม่มากเท่าใด”

ในปัจจุบันธุรกิจที่ใช้สื่อป้ายโฆษณากลางแจ้งมากที่สุด คือ คอนซูเมอร์โปรดักส์ และเรียลเอสเตรท ในขณะที่ราคาเฉลี่ยการลงโฆษณาต่อป้ายขนาดใหญ่จะอยู่ที่ 1-3 แสนบาทต่อเดือน ส่วนป้ายขนาดเล็ก อยู่ที่ 1.3-1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ทั้งนี้ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นอยู่กับศักยภาพด้านทำเล และเรตติ้งของป้ายในแต่ละสถานที่นั้นเอง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.