ซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ทตั้งระบบCRMฟุ้งอีก6ปียอดขายทะลุ1แสนล้านบาท


ผู้จัดการรายวัน(31 พฤษภาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"ซิเมนต์ไทย โฮมมาร์ท" ฟุ้งอีก 6 ปียอดขายทะลุ 100,000 ล้านบาท หลังทุ่ม 200 ล้านบาท ติดตั้งระบบCRM บริหารระบบจัดขาย พร้อมเสนอเป็นตัวแทนขายสินค้านอกเครือซิเมนต์ไทย จับตากลุ่มค้าส่งยอดขายหดตัว เชื่อตลาดค้าปลีกโตต่อเนื่อง เผยแผนปี49 ขยายสาขาแฟรนไซด์ เพิ่ม 75 สาขา แจงครึ่งปีแรก ยอดขาย 26,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 50,000 ล้านบาท

นายกฤช กุลเนต กรรมกาผู้จัดการ บริษัท ซิเมนต์ไทยการตลาด จำกัด หรือ CHM ผู้ประกอบการร้านค้าวัสดุภายใต้แบรนด์ "ซิเมนต์ไทย โฮมมาร์ท" กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทได้นำกลยุทธ์ CRM เข้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิ์ภาพการขาย และให้บริการลูกค้า เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากที่สุดตั้งแต่กลางปี 48 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี49 เมนต์ไทย โฮมมาร์ทสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 26,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4% จากเป้ายอดขายที่วางไว้ตลอดทั้งปี 50,000 ล้านบาท และด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว CHM คาดว่าในช่วง 6 ปีจากนี้ จะสามารถมียอดขายต่อปีไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท

โดยในขณะนี้ บริษัทมีช่องทางการจำหน่ายสินค้า 3 ช่องทาง คือกลุ่มสินค้าโครงการ, กลุ่มสินค้าขายส่ง และกลุ่มสินค้าขายปลีก ซึ่งจากการนำระบบ CRM เข้ามาใช้นี้ บริษัทคาดว่าจะทำให้ในอนาคต การจำหน่ายสินค้าในตลาดขายส่งจะลดจำนวนลง ในขณะเดียวกันยอดขายจากช่องทางการขายส่งจะเพิ่มจำนวนสูงขึ้น เนื่องจากระบบ CRM จะสามารถช่วยในเรื่องของการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง ในขณะที่ตัวแทนจำหน่ายหรือตลาดขายส่งสินค้า จะตอบสนองลูกค้าได้เฉพาะด้านแต่ไม่ครอบคลุมเช่นเดียวกับร้านค้า ซิเมนต์ไทย โฮมมาร์ท

สำหรับระบบ CRM เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลลูกค้าด้วยระบบคอมพิวเตอร์ซ็อบแวร์ที่บริษัทใช้งบประมาณลงทุนกว่า 200ล้านในการติดตั้ง เพื่อจัดเก็บข้อมูลลูกค้า และนำมาศึกษาความต้องการและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้สูงสุด โดยในปัจจุบันบริษัทมีฐานข้อมูลรายชื่อลูกค้าอยู่ในมือกว่า 50,000 ราย ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าว มีทั้งในส่วนที่เป็นลูกค้ารายย่อย ช่าง ผู้รับเหมาก่อสร้าง ตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าจำหน่ายวัสดุ โครงการและผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง ซึ่งถือว่าครอบคลุมกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท

ทั้งนี้ หลังจากนำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ บริษัทได้เสนอเป็นผู้แทนขายผ่านสินค้า Non SCG ให้กับซัปพลายเออร์ และผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง ในส่วนที่เป็นสินค้าไลน์อื่นๆ นอกจากสินค้าที่ผลิตในเครื่อซิเมนต์ไทย( SCG) อาทิ สังกะสี สีทาอาคาร อาร์ซีไอ สีนิปปอนเพนท์ สีทีโอเอ เหล็ก วัสดุก่อสร้างประเภทไม้ ฯลฯ ซึ่งหลังจากที่ CHM ได้ขายผ่านสินค้าในกลุ่ม Non SCG ในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ บริษัทมีมีสัดส่วนยอดขายมาจากกลุ่มสินค้า Non SCG สูงถึง 23% ส่วนสินค้าของ SCG มีสัดส่วนยอดขายอยู่ 77% และ บริษัทคาดว่าในอนาคตสินค้าในกลุ่ม Non SCG จะมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น โดยคาดว่าในอีก 6 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากยอดขาย 100,000 ล้านบาท

นายกฤช กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัท มีแผนจะเปิดตัวร้านค้า ซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท เพิ่มอีก 75 สาขาในปีนี้จากเดิมที่ขณะ CHM นี้มีสาขาอยู่ 250 สาขาทั่วประเทศ โดยสาขาใหม่ที่จะเปิดตัวนี้ จะแบ่งเป็น ร้านค้าซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท แม็ก 25 สาขา และร้านค้าซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท บิลเดอร์ 45 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะผลักดันให้ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอีก 100 ราย ที่ยังไม่เข้าระบบในร้านค้า ซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท เข้ามาเป็นสมาชิกแฟรนไชนด์ โดยคาดว่าในระยะ 6 ปีนี้ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายดังกล่าวจะเข้ามาในระบบ และทำให้ CHM มีร้านค้าซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท เพิ่มเป็น 500 สาขา

" สำหรับร้านค้า ที่ต้องการเข้ามาเป็นสมาชิกแฟรนไชนด์ ของซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท จะเสียค่าสมาชิกในการสมัคร 500,000 บาท สำหรับสมาชิกร้านค้าซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท แม็ก ส่วนสมาชิกร้านค้าซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท บิลเดอร์ เสียค่าสมัครในการเข้าเป็นสมาชิก 300,000 บาท " นายกฤช กล่าว

ทั้งนี้ ผลดีของการนำระบบ CRM เข้ามาใช้ สำหรับตัวแทนจำหน่ายของบริษัทคือสามารถเพิ่มอัตรากำไรจากยอดขายให้สูงขึ้น สามารถบริหารสต็อกสินค้าได้ดีขึ้น และเป็นระบบมากขึ้น เนื่องจากทราบความต้องการลูกค้ากลุ่ม End User โดยตรงจึงสามารถสต็อกสินค้าได้ในปริมาณที่สะสม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.