|

หุ้นไทย 10 วันรูด 83 จุดมาร์เกตแคปสูญ5แสนล้าน
ผู้จัดการรายวัน(26 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
หุ้นไทยยังโงหัวไม่ขึ้น ดิ่งต่อ 13.07 จุด ดัชนีเฉียดหลุด 700 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังทิ้งหุ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ 10 วัน ยอดขายสุทธิรวม 3.35 หมื่นล้านบาท กดดัชนีลดลงไปแล้ว 83 จุด หรือ 10.61% มาร์เกตแคปหายไปประมาณ 5 แสนล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์คาดวันนี้ดัชนีอาจหลุด 700 จุด จากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่มีแรงซื้อนักลงทุนในประเทศทยอยซื้อหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มพลังงาน ธนาคาร
ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 พ.ค.) ดัชนียังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากแรงขายนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ดัชนีปิดที่ 701.03 จุด ลดลง 13.07 จุด หรือลดลง 1.83 จุด ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันที่ 714.03 จุด ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 701.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,379 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,410.54 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,480.92 จุด นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,929.62 ล้านบาท
***หุ้นไทยรูดแล้ว83จุดมาร์เกตแคปหาย5แสนล้าน
"ผู้จัดการรายวัน" ได้รวบรวมการปริมาณการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า นักลงทุนต่างประเทศได้เทขายต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 11 25 พ.ค. 2549 รวมเวลา 10 วันทำการ ปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศได้เทขายสุทธิ 33,544.71 ล้านบาท และดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาแล้วเป็นจำนวน 83.25 จุด หรือ 10.61% ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมหรือมาร์เกตแคปของตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยเปรียบเทียบจากเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม มาร์เกตแคปอยู่ที่ระดับ 5,636,481.25 ล้านบาทเทียบกับเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม อยู่ที่ระดับ 5,151,434.11 ล้านบาท
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 พ.ค.) ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเม็ดเงินไหลออกดังกล่าวเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่แรงขายก็มีการลดลงจากเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 พ.ค.) คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่ผ่านดัชนีฯได้มีการปรับตัวลดลง 10 วันทำการ หรือ 10% และค่า P/E หุ้นไทยซึ่งคิดจากผลประกอบการ 4ไตรมาสย้อนหลัง อยู่ที่ 8.5 เท่า และเชื่อว่านักลงทุนภายในประเทศน่าจะมีการเข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ และมีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น พลังงาน ธนาคาร แต่อาจะมีการแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศบ้างแต่เชื่อว่าจะไม่มาก โดยมองแนวรับที่ระดับ 695-700 จุด แนวต้านที่ 710-715 จุด
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวลดลงจากนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่องจาก ในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ซึ่งส่วนตัวมองว่าการที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นไทย จากที่ต้นปีต่างชาติมีการซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องและการที่ปตท. มีการส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการขึ้นราคาน้ำมัน และจากที่จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างประเทศต้องมีการลดการลงทุน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีฯปรับตัวลดลงต่ำกว่า 700 จุด แต่จะมีแรงซื้อของนักลงทุนระยะสั้นเข้ามาเก็งกำไรโดยมองแนวรับที่ระดับ 695 จุด แนวต้านที่ระดับ 703 จุด
นางสุภากร สุจิรัตน์วิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดวานนี้ ลดลง เนื่องจาก ตลาดภูมิภาคเอเซียมีการปรับตัวลดลง ยกเว้นจีนกับอินเดียที่ตลาดปิดตัวในแนวบวก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดภูมิภาคลดลงเนื่องมาจากสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น โลหะเหล็ก ที่มีราคามีการปรับลดลง และนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นไทย ในกลุ่ม ธนาคาร พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตเคมี ด้านกลุ่มสื่อสารมีการปรับตัวลงเล็กน้อย ปัจจัยอื่นๆไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การเมือง ก็เป็นปัจจัยเดิมที่มีผลกระทบไม่มากนัก
สำหรับภาวะตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยแกว่งตัวในกรอบ 707-714 จุด แต่หากไม่สามารถยืนได้ดัชนีฯก็จะอยู่ที่ 686-690 จุด และคาดว่าดัชนีฯในอีก 2 อาทิตย์ จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยกาอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่ดัชนีฯปรับตัวลดลงจากนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีสัญญาณที่นักลงทุนต่างประเทศจะหยุดขาย ซึ่งจะยังคงขายหุ้นไทยต่อไปถึงต้นเดือนมิ.ย. เหราะ ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้นการลงทุน แต่คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งในวันที่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ที่อาจทำให้นักลงทุนโยกเงินจากสิงคโปร์มาลงทุนในไทยเพิ่ม แต่คงเป็นการลงทุนที่ไม่มากนัก
ทั้งนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะ เป็นการขายเพื่อลดการลงทุนในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด ไม่ใช่เพียงประเทศไทยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีแรงขายออกมามากที่สุดเนื่องจากปัจจัยลบที่กระทบการลงทุนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัจจัยลบหลักที่กดดันการลงทุนคือ อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ส่วนปัจจัยในประเทศคือการเมือง ปัญหาภาคใต้ที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งอุทกภัย
บริษัทแนะนำการลงทุนโดยให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารเมื่อราคาอ่อนตัวปรับลงมาก เนื่องจากมองว่าจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์เมื่อนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้าลงทุนอีกครั้ง โดยประเมินแนวรับวันนี้(26พ.ค.)ที่ 688-690 จุด และแนวต้านที่ 706.708 จุด
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|