ผ่อน"รถใหม่ป้ายแดง"เตรียมควักกระเป๋าเพิ่มธุรกิจเช่าซื้อซุ่มขยับดอกเบี้ยผลักภาระต้นทุน


ผู้จัดการรายสัปดาห์(29 พฤษภาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

อยากเป็นเจ้าของรถใหม่ป้ายแดงวิ่งโฉบเฉี่ยวบนท้องถนน ในชั่วโมงนี้อาจต้องคิดหนัก เมื่อสถานการณ์เงินเฟ้อยังผลักให้ทิศทางดอกเบี้ยขยับขึ้นแบบยังไม่มีจุดจบ ไม่แพ้กู้เงินซื้อบ้านที่ดอกเบี้ยไต่ระดับอย่างรวดเร็ว และถ้าสังเกตุก็จะพบว่าธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์แทบทุกค่ายต่างก็ซุ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรถใหม่ เพื่อลดแรงกดดันด้านต้นทุนกันถ้วนหน้า โดยเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยมาตั้งแต่ต้นปี ผลักภาระให้ผู้บริโภคแบกรับแทน "ธนชาต"ยอมรับกลางปีต้องประเมินตัวเลขสินเชื่อใหม่ ขณะที่อีกหลายค่ายเตรียมขยับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้

ผลของดอกเบี้ยนโยบายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ปรับขึ้นตลอดที่ผ่านมานั้นเริ่มส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนหรือ ผู้ขอสินเชื่อกู้บ้านและขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับบรรดาแบงก์ต่างๆ เพราะที่ผ่านมานอกจากจะเห็นปรากฎการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก ก็ยังเห็นการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย กระทั่งล่าสุดธุรกิจเช่าซื้อในเครือแบงก์หรือแบงก์ต่างๆ ก็เริ่มขยับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่เป็นระลอก ว่ากันว่าหลายรายมีการซุ่มปรับขึ้นทีละเล็กน้อยมาตั้งแต่ต้นปีมาแล้วด้วยซ้ำ

อนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เช่าซื้อ ธนาคารธนชาต เล่าว่าในส่วนธุรกิจเช่าซื้อ มีการปรับอัตราดอกเบี้ยมาแล้วถึง 7 ครั้ง ตั้งแต่ที่ ธปท. เริ่มมีการขยับดอกเบี้ยนโยบาย โดยปัจจุบันรถใหม่ป้ายอยู่ที่ระดับ 3.55% ซึ่งอัตราดังกล่าวธนชาตได้ปรับไปเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

"อัตราดอกเบี้ยที่ 3.55% ต้องบอกว่าไม่ได้สูงกว่าภาพรวมในตลาด แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ต่ำที่สุด เพราะการให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ถ้าบริษัทที่ต้องการยอดขาย หรือยอดสินเชื่อเพิ่ม อัตราดอกเบี้ยอาจจะต่ำกว่าของธนชาติ ซึ่งเรทประมาณ 3.30% ก็ยังมีให้เห็นอยู่"

กล่าวได้ว่าธนชาต หนึ่งในกลุ่มผู้นำในตลาดธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ คงไม่อยากที่จะต้องเฉือนเนื้อตัวเอง การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจึงเป็นทางออกที่ดีก็ว่าได้ ในสถานการณ์เช่นนี้

อนุชาติ เล่าให้ฟังว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยในธุรกิจเช่าซื้อไม่ได้วัดมาตรฐานเดียวว่าจะต้องขึ้นในอัตราที่เท่ากัน แต่อยู่ที่นโยบายของบริษัทว่าจะรุกหรือรับ บางรายให้ดอกเบี้ยต่ำอาจไม่ขาดทุน แต่นั่นหมายถึงกำไรที่ได้ต้องลดลง อย่างไรก็ตามในส่วนของธนชาตเองนั้นการปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นผลมาจากต้นทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าธนชาตนิ่งเฉยไม่ทำอะไรบ้างปัญหาย่อมต้องย้อนกลับมาถึงตัวเข้าจนได้

อนุชาติ ยังบอกอีกว่า ปีนี้ยอดจำหน่ายรถยนต์ 4 เดือนแรกแทบไม่เติบโตเลยซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 11% แต่ปีนี้ 4 เดือนกลับเพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น ภาวะดังกล่าวอาจสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ที่ปีนี้ยอดสินเชื่ออาจไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ เพราะอัตราการเติบโตของรถใหม่ป้ายแดงแทบไม่กระเตื้อง

"ผลก็เป็นที่รู้กันว่ามาจากน้ำมัน และดอกเบี้นที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป อยากเก็บเงินไว้กับตัวเองมากขึ้น เพราะรู้สึกปลอดภัยมากกว่าการนำเงินไปใช้ซื้อของ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมองว่าจะเป็นอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยและสถานการณ์การเมืองนิ่ง ซึ่งในส่วนของการเมืองมองว่ากว่าจะเรียบร้อยและลงตัวก็คงปลายปี49"

แต่กระนั้นก็ตาม อนุชาติ ยังมั่นใจว่าในส่วนของธนชาต ไม่มีปัญหากับเรื่องดังกล่าว การปรับอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมาย 4 เดือนที่ผ่านมาทุกอย่างยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งถ้าเทียบเป็นรถยนต์ก็อยู่ที่ประมาณ 1.2 พันคันต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานเมื่อสิ้นปีจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร คงต้องมีการพิจารณากันใหม่ในช่วงกลางปี ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่บริษัทจะต้องหันมาประเมินผลงานช่วงครึ่งปีแรก

อนุชาติ ยังเล่าถึง แนวทางในการดำเนินกลยุทธ์ในสถานการ์ณน้ำมันแพง ดอกเบี้ยพุ่งว่า ทางธนชาต รู้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคตอนนี้มีการระมัดระวังและประหยัดมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จะเชื่อมและต่อยอดธุรกิจได้คือเรื่องของการให้บริการ และการสานสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในสถานการณ์ตลาดเช่าซื้อรถยนต์ปัจจุบันที่อัตราการขยายตัวเริ่มนิ่ง

ทางด้านสีสซิ่งกสิกรไทย ก็อั้นแบกต้นทุนไม่ไหวปรับดอกเบี้ยเพิ่มในส่วนของรถยนต์ใหม่ จากเดิม 3.45% เป็น 3.55% โดย อิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บอกว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2549 โดยในช่วง 4 เดือนแรกสินเชื่อก็ยังสามารถขยายได้ตามเป้า คืออยู่ที่ 4 พันล้านบาท

ส่วน ธนาคารทิสโก้ จากที่เคยลุยตลาดเช่าซื้อมาอย่างหนัก แต่ที่ต้องชะงักเป็นผลมาจากเจ้าตลาดเช่าซื้อรถยนต์รายใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยที่ตำกว่า แต่หลังจากที่เริ่มปรับมาอยู่ในอัตราเดียวกัน ทิสโก้ก็พร้อมที่จะลุยตลาดสินเชื่อรถยนต์มากขึ้น กระนั้นก็ตามภาวะสถานการณ์ปัจจุบันกลับยังไม่นิ่งโดย รุ่งโรจน์ จรัสวิจิตรกุล หัวหน้าบริหารการขายทางกรุงเทพสายสินเชื่อรายย่อยกล่าวว่า ในเดือนมิถุนายน 2549 นี้ อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์อาจต้องปรับขึ้นอีก 0.15%ตามทิศทางตลาด และหากผู้ประกอบการรายอื่นปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริงในส่วนของทิสโก้เองก็พร้อมที่ลุยเข้าไปแข่งในสนามรบเช่นกัน

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์เป็นเหตุผลสำคัญของการลดต้นทุนดำเนินธุรกิจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากน้ำมัน และดอกเบี้ยที่ทั้งแพงและสูงเป็นปัจจัยสำคัญนำมาสู่ความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ แต่กระนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คนที่เจ็บปวดที่สุดคงหนีไม่พ้นประชาชนตาดำๆ และบรรดามนุษย์เงินเดือนตามท้องถนน....


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.