|
‘Broadband’ ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจยุคไอที
โดย
อนิรุต พิเสฏฐศลาศัย
นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ในประเทศตะวันตก ยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่รัฐบาลแทบทุกประเทศมุ่งเน้นในการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับการผลิตก็คือ การเพิ่มศักยภาพหรือ Productivity ในการผลิตผ่านการปรับปรุงทางด้านเทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ การบริหารจัดการองค์กร และด้านอื่นๆ โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจขนาดเล็กอย่างนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่แทบจะไม่มีความได้เปรียบจาก Economy of scale เท่าไรนัก Productivity จึงเป็นหัวใจที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ในปัจจุปัน อินเทอร์เน็ตและอีเมลได้ก้าวเข้ามามีความสำคัญต่อชีวิตและธุรกิจต่างๆ อย่างยิ่งยวด คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า การขยายตัวของอินเทอร์เน็ตนั้นมีผลโดยตรงต่อ Productivity และการขยายตัวทางเศรษฐกิจในโลกยุคไอที สิ่งหนึ่งที่ Policy Maker ของนานาประเทศ กำลังให้ความสนใจอย่างมากในขณะนี้ก็คือการพัฒนาระบบ และการขยายการให้บริการ "อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง" ซึ่งก็เน้นไปที่การให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านระบบบรอดแบนด์แทนการใช้ระบบ Dial-up connection เพราะความเร็วของบรอดแบนด์ก็หมายถึงการเพิ่ม Productivity โดยตรงให้กับธุรกิจประเภทต่างๆ และระบบเศรษฐกิจโดยรวมผ่านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
อย่างที่ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่คงจะทราบดีว่าบรอดแบนด์ในปัจจุบันมักหมายถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งโดยทั่วไปความเร็วของบรอดแบนด์ขั้นพื้นฐานที่ให้บริการในนิวซีแลนด์ในระดับ download speed ที่ 256 กิโลบิตต่อวินาทีนั้นเร็วกว่า Dial-up connection อยู่ 6 เท่า แต่ถ้าเป็นความเร็ว download speed ที่ 3.5 เมกะบิตต่อวินาที นั้นเร็วกว่า Dial-up connection ถึง 80 เท่า เลยทีเดียว
นอกจากนั้น ประโยชน์สำหรับผู้ใช้บรอดแบนด์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ บรอดแบนด์นั้นเป็น 'Multiple applications' หรือก็คือความสามารถในการใช้คู่สายเดียวกัน คุยทั้งโทรศัพท์และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือทำ video conference ได้ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่ Dial-up connection เป็น 'Limited applications' ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือไม่สามารถใช้เป็นทั้งอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ได้ในเวลาเดียวกัน
แม้นิวซีแลนด์จะเป็นประเทศที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต่อจำนวนประชากรมากเป็นที่สองของโลก (ที่มา : www.internetworldstats. com) แต่จำนวนผู้ใช้บรอดแบนด์นั้นยังต่ำกว่ามาตรฐานของประเทศในกลุ่ม OECD อยู่พอสมควร โดยตัวเลขจากการจัดลำดับล่าสุดของ OECD นิวซีแลนด์มีผู้ใช้บรอดแบนด์เพียง 8.1 คนต่อจำนวนประชากรทุกๆ 100 คน ซึ่งอยู่ลำดับที่ 22 จากทั้งหมด 30 ประเทศ
งานวิจัยที่สำคัญชิ้นล่าสุดประเมินว่า ถ้านิวซีแลนด์สามารถเพิ่มอัตราส่วนของผู้ใช้บรอดแบนด์ให้ได้ถึง 50 คนต่อจำนวนประชากรทุกๆ 100 คน ได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า ผลประโยชน์โดยตรงต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ในระหว่าง 25 ปีข้างหน้านี้ อาจมีมากถึง 7,215 ล้านนิวซีแลนด์ดอลลาร์ (ประมาณ 173,160 ล้านบาท) เลยทีเดียว ซึ่งถ้าอัตราส่วนนี้สามารถบรรลุได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจก็อาจเพิ่มขึ้นถึงประมาณเท่าตัวเลยทีเดียว
ด้วยผลประโยชน์มหาศาลทางเศรษฐกิจเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมการขยายการให้บริการบรอดแบนด์จึงเป็นนโยบายหลักด้านไอทีและเทคโนโลยีที่สำคัญของรัฐบาลนิวซีแลนด์ และของประเทศตะวันตกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
จากรายงานล่าสุดของ Ministry of Economic Development ของนิวซีแลนด์ ยังพบอีกว่า ปัญหาของบรอดแบนด์ในนิวซีแลนด์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ราคาค่าเช่าบรอดแบนด์ในนิวซีแลนด์อยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม OECD โดยรายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่าราคาค่าเช่า Business broadband service ในนิวซีแลนด์นั้นสูงกว่าระดับราคากลางของกลุ่มประเทศ OECD อยู่ถึง 26% เลยทีเดียว แม้ราคาค่าเช่า Residential broadband service นั้นจะอยู่ในระดับราคากลางก็ตาม
นอกจากนั้น ความเร็วสูงสุดของบรอดแบนด์ที่ให้บริการในนิวซีแลนด์ได้ในขณะนี้ก็ยังช้ากว่าในประเทศชั้นนำอื่นๆ อย่างเช่น download speeds และ upload speeds สูงสุดของบรอดแบนด์ที่ให้บริการได้ในนิวซีแลนด์ในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 3.5 เมกะบิตต่อวินาที และ 512 กิโลบิตต่อวินาที ตามลำดับ ในขณะที่ Internet service providers ในสหราชอาณาจักรโดยส่วนใหญ่สามารถให้บริการความเร็ว download speeds ได้มากกว่า 8 เมกะบิตต่อวินาที และบางรายสามารถให้บริการ download speeds ได้ถึง 22 หรือ 24 เมกะบิตต่อวินาทีเลยทีเดียว ส่วน upload speeds สูงสุดก็ได้ถึง 2 เมกะบิตต่อวินาที
สาเหตุสำคัญของความล้าหลังในเทคโนโลยีด้านนี้ของนิวซีแลนด์ เทียบกับประเทศชั้นนำอื่นๆ ก็คือ การผูกขาดในธุรกิจโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต และบรอดแบนด์ โดยบริษัท Telecom New Zealand ซึ่งก็เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ของนิวซีแลนด์ โดยคาดกันว่าบริษัท Telecom New Zealand นั้นมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจบรอดแบนด์อยู่มากกว่า 90% ด้วยกัน ซึ่งการผูกขาดนี้เองที่ทำให้บริษัท Telecom New Zealand สามารถตั้งราคาได้สูงและยังให้บริการบรอดแบนด์ได้ในระดับความเร็วที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมารัฐบาลนิวซีแลนด์ก็เพิ่งประกาศยกเลิกการผูกขาดในธุรกิจการให้บริการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ซึ่งก็เป็นธุรกิจที่ถูกผูกขาดโดยบริษัท Telecom มาแต่เนินนาน ซึ่งมาตรการนี้ก็เป็นมาตรการสำคัญที่จะสามารถทำให้ Internet service providers อื่นๆ เข้ามาทำการแข่งขันกับบริษัท Telecom ในธุรกิจอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์ได้อย่างจริงจัง
การเปิดเสรีอันนี้เองจะช่วยให้นิวซีแลนด์ไม่ถูกประเทศในกลุ่ม OECD ทิ้งห่างในเทคโนโลยีด้านนี้ไปมากขึ้น แต่ถ้าหากนิวซีแลนด์จะสามารถไล่ประเทศชั้นนำในกลุ่ม OECD ได้ทัน นิวซีแลนด์ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ อีกหลายด้าน โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อสร้างสาธารณูปโภคด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมให้มากขึ้น รวมถึงการแก้ตัวบทกฎระเบียบต่างๆ เพื่อส่งเสริมและรองรับกับการขยายตัวของเทคโนโลยีประเภทนี้ให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|