ถึงยุคคุมเข้มต้นทุน


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ในยุคราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในระยะเวลาอันใกล้เช่นนี้ สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แล้วเหมือนโดนผลกระทบ 2 เด้งด้วยกัน เด้งแรกก็คือต้นทุน เพราะเมื่อราคาน้ำมันขยับขึ้นมาได้สักระยะ ราคาวัสดุก่อสร้างก็เริ่มขยับตัวขึ้นตามไปบ้าง จนขณะนี้มีการประเมินกันคร่าวๆ แล้วว่า ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนบ้านสูงขึ้นแล้วประมาณ 10-15%

แต่การจะหาทางออกด้วยการขึ้นราคาบ้านก็ทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะยังมีเด้งที่สองค้ำคออยู่ นั่นก็คือกำลังซื้อของประชาชนที่หดหายไปตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เพราะปัจจัยสี่ตัวอื่นๆ ที่จำเป็นยิ่งกว่าบ้านต่างพากันทยอยขึ้นราคา ทำให้งบประมาณที่เหลือพอจะมาผ่อนบ้านได้ลดลง การตัดสินใจซื้อบ้านจึงต้องละเอียดถี่ถ้วนยิ่งขึ้น

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จะเอาตัวรอดได้จึงต้องกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ ทั้งในด้านการควบคุมต้นทุนและการตลาด

"ปีนี้จะเป็นปีที่วัดประสิทธิภาพการบริหารงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งระดับบน กลาง และล่าง เพราะตลาดจะแข่งขันกันมากขึ้น ยกเว้นระดับล่างที่การแข่งขันยังมีไม่มากนัก" ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าว

เขาระบุว่าปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงนี้คือการมีวินัยทางการเงิน การขยายโครงการต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่ควรมียอดหนี้สูงเกินกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt/Equity ratio) มากจนเกินไป เพราะหากอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น บริษัทที่มีเงินกู้มากจะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง โอกาสที่จะรักษาผลดำเนินงานให้มีกำไรก็ทำได้ยากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันลลิลฯ มี D/E อยู่ที่ 0.4 เท่า ต่ำเป็นอันดับ 3 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้น ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดที่มี D/E เฉลี่ย 1.32 เท่าและค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3.39 เท่า

นอกจากการควบคุมเรื่องเงินกู้แล้ว ลลิลฯ ยังได้ทำสัญญาซื้อวัสดุก่อสร้างเอาไว้จนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาของวัสดุก่อสร้างมากนัก

"เรายืนยันว่าต้นทุนเรายังแข็งแกร่ง สามารถสู้ได้ในตลาดที่มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์"

ไม่เพียงการดูแลต้นทุนเท่านั้น การพัฒนาโครงการให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง โดยจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดหายไป ทำให้ลลิลฯ เน้นโครงการในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดสำคัญในปัจจุบันมากขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้เปิดตัว 2 โครงการคือ The Young Executive บ้านเดี่ยวระดับราคา 3.2-5 ล้านบาท และ The Balcony Home รวมทั้ง 2 โครงการ มูลค่าราว 1,100 ล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 3 ยังจะเปิดโครงการบ้านเดี่ยวในย่านสุวรรณภูมิอีก 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.