บทบาทใหม่ของยิ่งลักษณ์

โดย น้ำค้าง ไชยพุฒ
นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจบดีลการขายหุ้นชิน คอร์ป อันลือลั่นแล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็โยกย้ายจากธุรกิจสื่อสารที่เอไอเอสไปรับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กิจการอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตรตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และเก็บตัวเงียบอยู่ 2 เดือนกว่า จนกระทั่งออกมาแถลงข่าวเปิดตัวในบทบาทใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ภายใต้ธีมว่า "Be My guest"

"ทีแรกคิดว่าจะเชิญสื่อมาทำข่าวบริษัท แต่นักข่าวก็คงรู้เรื่องของเอสซี แอสเสทดี อยู่แล้ว คงอยากรู้เรื่องตัวเรามากกว่า ก็เลยจัดงานในลักษณะเหมือนเราเป็นเจ้าบ้านแล้วเชิญสื่อมาเป็นแขก" ยิ่งลักษณ์อธิบายที่มาที่ไปของการจัดงานครั้งนี้ที่เป็นเหมือนการเปิดตัวเธอในกิจการแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ

เมื่อตั้งโจทย์ไว้ว่าจะทำตัวเป็นเจ้าบ้าน งานนี้ยิ่งลักษณ์ จึงเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ ตั้งแต่มุมมองและข้อมูลของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงวิธีการเลี่ยงคำถามที่โยงไปถึงเรื่องการเมืองและตัวนายกรัฐมนตรี เหมือนกับรู้ว่าจะต้องโดนคำถามพาดพิงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายแน่ๆ

ซึ่งก็จริงดังคาด เพราะหลังจากที่ชิมลางด้วยคำถามกว้างๆ ทั่วไปแล้ว ก็เริ่มมีคำถามที่มุ่งเป้าไปยังตระกูลชินวัตรมากขึ้น แต่ผู้บริหารที่ผ่านการออกงานแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์มาแล้วหลายสิบครั้งอย่างยิ่งลักษณ์ไม่มีพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลกระทบจากภาพพจน์ของตัวนายกรัฐมนตรีที่มีต่อยอดขายโครงการ หรือความเป็นไปได้ในการนำเอาแลนด์แบงก์ของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่มีอยู่มากมายมาให้เอสซี แอสเสท พัฒนาต่อยอดเป็นโครงการใหม่ไปจนกระทั่งโอกาสในการหาพันธมิตรร่วมทุนโดยเฉพาะพันธมิตรจากสิงคโปร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เธอสามารถดึงคำตอบให้มาเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ ไม่มีการเมืองและครอบครัวมาเกี่ยวข้อง

สำหรับตัวเธอเองยอมรับว่า การมาบริหารงานที่เอสซี แอสเสท นับเป็นความท้าทายยิ่งกว่าเมื่อครั้งยังอยู่ที่เอไอเอส เนื่องจากการทำโครงการแต่ละแห่งเปรียบเสมือนการเปิดบริษัทใหม่เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ยิ่งลักษณ์คาดว่าจุดแข็งของทีมงานและคอนเซ็ปต์ของเอสซี แอสเสท ที่ใช้แนวคิด i-home ผนวกเข้ากับประสบการณ์ในการบริหารงานธุรกิจไอทีและโทรคมนาคมของเธอน่าจะช่วยให้โครงการของเอสซี แอสเสท มีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นชัดเจนมากยิ่งขึ้น

โดยเอสซี แอสเสท ตั้งเป้าการขยายตัวของรายได้ 5 ปีนับจากนี้ในอัตราปีละ 30% เริ่มด้วยเป้ายอดขายปีนี้ที่ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจนถึงเดือนพฤษภาคมทำได้แล้ว 850 ล้านบาท และแผนงานในปีนี้นอกจากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมแล้ว ยังเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดิน เตรียมไว้สำหรับพัฒนาโครงการอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงการขึ้นโครงการอาคารสำนักงานแห่งใหม่ที่ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ว่างบริเวณอาคารชินวัตร 3 หรือในทำเลอื่นก็ตาม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.