จีเอฟเคเพิ่มกลุ่มสินค้า-ขยายภูธร เผยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแข่งดุราคาตก


ผู้จัดการรายวัน(24 พฤษภาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

จีเอฟเคเล็งเพิ่มบุคลากรพร้อมทั้งขยายตัวสินค้าเครื่องเป่าผมเข้าไว้ในกลุ่มเอชเอ เตรียมขยายฐานการเก็บข้อมูลในต่างจังหวัดมากขึ้น เผยสินค้ากลุ่มเอชเอจะมีการเติบโตมากในปีนี้ ด้านตลาดทีวีราคาเปลี่ยนแปลงมาก

นายอุทัย โล้วมั่นคง ผู้จัดการ บริษัท จีเอฟเค มาร์เกตติ้ง เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ทำการสำรวจวิจัยทางด้านตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายฐานในการเก็บข้อมูลตัวเลขต่างๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลทางด้านผลิตภัณฑ์ไอทีในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่ผ่านมาเก็บข้อมูลเฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้น เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมา ตลาดไอทีมีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด

ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มประเภทของกลุ่มสินค้าด้วย แต่ยังคงหมวดหลักไว้ 5 กลุ่มเดิมคือ 1.ไอที 2.เอวี 3.เอชเอ 4.กล้องดิจิตอล 5.มือถือ โดยสินค้าที่เพิ่มเข้ามาคือ เครื่องเป่าผม หรือไดร์เป่าผม ซึ่งจะจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่มเอชเอ จากปีที่แล้วที่ได้เพิ่มหมวดสินค้าเอ็มพี 3 เข้าไปอยู่ในกลุ่ม เอวี ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มบุคลากรอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อรองรับกับการขยายตลาดครั้งนี้ด้วย

ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานในการเก็บข้อมูลตัวอย่างกว่า 614 เอาท์เลต จากจำนวนร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆเหล่านี้ที่เป็นร้านค้าอิสระและที่เป็นเชนขนาดใหญ่รวมกว่า 2,522 เอาท์เลต โดยแบ่งเป็น กลุ่มร้านค้าอิสระ รวมจำนวน 1,883 เอาท์เลต แต่เป็นร้านตัวอย่าง 231 เอาท์เลต และกลุ่มร้านค้าที่เป็นเชนรายใหญ่รวม 2,522 เอาท์เลต แต่เป็นกลุ่มตัวอย่าง 614 เอาท์เลต

ทั้งนี้จะมีการเก็บข้อมูลเฉลี่ยเดือนละครั้ง โดยใช้ทีมงานที่มีอยู่ 28 คน และมีระบบจากบริษัทจีเอฟเคจากประเทศมาเลเซียสนับสนุนด้วย ซึ่งการทำงานอยู่ภายใต้การดูแลของรีจินัลออฟฟิศที่สิงคโปร์ ส่วนบริษัทแม่อยู่ที่เยอรมัน

สำหรับผลการวิจัยล่าสุดในรอบเดือนเมษายนปีนี้เมื่อเทียบกับเมษายนปีที่แล้วมีความน่าสนใจหลายประการ ทั้งนี้หากมองในกลุ่มสินค้าทั้ง 5 กลุ่มจะพบว่า การเติบโตในแง่ของแวลูหรือมูลค่านั้น กลุ่ม ไอที ตลาดรวมเมื่อปีที่แล้วเติบโตมากกว่าปีก่อนหน้าประมาณ 5% กลุ่มเอวี ตลาดรวมปีที่แล้วเติบโตจากปีก่อนหน้า 9% กลุ่มเอชเอ ตลาดรวมปีที่แล้วเติบโตจากปีก่อนหน้า 12% กลุ่มกล้องดิจิตอล ตลาดรวมปีที่แล้วเติบโตจากปีก่อนหน้า 27% ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุด

ขณะที่หากมองในปีนี้ด้านการเติบโตของตลาดรวมในแง่มูลค่าพบว่า กลุ่มเอชเอจะเติบโตประมาณ 10% กลุ่มเอวีจะเติบโตไม่มากประมาณไม่เกิน 10% กลุ่มกล้องดิจิตอลเติบโตประมาณ 6%

สำหรับในกลุ่มเอวี แยกเป็นสินค้าหมวดโทรทัศน์นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างมาก ทั้งในแง่ของราคาและจำนวน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมา และราคาเริ่มตกลงตลอดจากการแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการ โดยเฉพาะทีวีแอลซีดีที่ราคาลดลงมามาก อาจจะฉุดให้ตลาดรวมตกตามไปด้วย

ทั้งนี้จากตัวเลขของเดือนเมษายนปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีที่แล้วพบว่า ทีวีพลาสมา จากเดิมเฉลี่ยราคา 200,000 บาทต่อเครื่อง แต่ขณะนี้พบว่าราคาได้ตกลงมาเหลือเฉลี่ย 110,000 บาทต่อเครื่อง ส่วนโทรทัศน์แอลซีดี ก็มีราคาที่ลดลงมาจากเดิมที่ราคา 85,000 บาท เหลือ 81,000 บาทโดยเฉลี่ย

จากข้อมูลการสำรวจยังพบว่า ทีวีที่มีราคามากกว่า 15,000 บาทขึ้นไป มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 7% ในแง่ของปริมาณ หรือประมาณ 35% ในแง่ของมูลค่า ส่วนทีวีแอลซีดี มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มเป็น 25% ในขณะนี้ ในแง่ของมูลค่า ขณะที่ทีวีซีอาร์ทีแบบเดิมนั้นตลาดลดลงอย่างมากจากเดิม มีส่วนแบ่งตลาด 40% เหลือเพียง 20% เท่านั้น

โดยตลาดทีวีซีอาร์ที เมื่อปีที่แล้วมีปริมาณรวมทั้งสิ้นมากกว่า 2.5 ล้านเครื่อง ส่วนพรีทีวี ( แอลซีดี, พลาสม่า, โปรเจ็คชั่นทีวี) ปีที่แล้วมีตลาดรวมประมาณ 85,000 เครื่อง โดยปีนี้คาดการณ์ว่า ตลาดทีวีซีอาร์ที จะเติบโตประมาณ 5% ในแง่ของจำนวน ส่วนทีวีพลาสม่าและแอลซีดี จะเติบโตประมาณ 40% ในปีนี้

ทางด้านตลาดดีวีดี ก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีการเติบโตดี โดยเมื่อปีที่แล้วตลาดรวมดีวีดีมีประมาณ 1,107,000 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 4,400 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเติบโตได้อีกไม่ต่ำกว่า 20%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.