ราเกซ สักเสนา

โดย ภัทราวรรณ พูลทวีเกียรติ
นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

ต้องขออภัยจริง ๆ กับท่านผู้อ่านที่ดิฉันหายไปจากคอลัมน์นี้เดือนที่แล้ว เพราะติดภารกิจสำคัญต้องบินไปสัมภาษณ์ ราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีบีบีซี ที่แวนคูเวอร์อย่างฉุกละหุกเอาการ พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็ง่วนอยู่กับการปิดต้นฉบับทั้ง Financial Day ผู้จัดการรายวัน และผู้จัดการรายสัปดาห์ เป็นอย่างนี้อยู่ร่วมสองสัปดาห์ เงยหน้าอีกทีก็กลางเดือนเข้าไปแล้ว เร่งปิดต้นฉบับคอลัมน์ในผู้จัดการรายเดือนไม่ทันจนได้

อันที่จริงเรื่องของราเกซเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น !

ไปแวนคูเวอร์เที่ยวนี้ ทำให้ดิฉันต้องหันกลับมาทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้นกับบีบีซีและรัฐบาลไทยใหม่หมด

ราเกซ เข้ามาอาศัยทำมาหากินบนผืนแผ่นดินไทยตั้งแต่ 2527

12 ปีให้หลัง เขากลายเป็นคนสำคัญที่ทำให้แบงก์เจ้าขุนมูลนายเก่าแก่ถึง 52 ปี ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือบีบีซีถึงแก่กาลล่มสลาย

อีกทั้งยัง "บลัฟ" นักเลือกตั้งของไทยตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีเรื่อยมาจนปั่นป่วนไปทั้งบาง

ราเกซ เป็นใคร ? ลำพังเขาคนเดียวมีฤทธิ์เดชมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ ?

คำถามเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะดิฉันไม่เชื่อว่าราเกซ เป็นขุนโจรผู้ปฏิบัติการอุกฉกรรจ์แบบข้ามาคนเดียวได้สำเร็จโดยลำพัง เพราะนั่นมันอยู่ในหนังฮอลลีวูด หาใช่ชีวิตจริงไม่

ด้วยเหตุนี้จึงมีคำถามอื่น ๆ ตามมาอีกเป็นระลอก ขาวภารตะผู้นี้ปฏิบัติการโฉดได้อย่างไร? อะไรคือระบบที่สนับสนุนให้เขาทำเช่นนั้น ?

การหาคำตอบเหล่านี้ ดิฉันเริ่มต้นด้วยการสืบเสาะเส้นทางของราเกซ ที่เขานำพาชีวิตมาพบปะกับผู้คนในสังคมไทย จนเจอประเด็นที่น่าสนใจมาก

ราเกซสบช่องว่างที่ระบบการเงินไทยยังขาดความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เขาพบว่าความรู้ในโลกกว้างของเขายัง "ขาย" ได้ในบ้านเรา

โชคชะตาพาให้เขาไปพบขุมทรัพย์ล้ำค่าจากแบงค์บีบีซี ซึ่งอยู่ในสภาพสะบักสะบอมจากมรสุมการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินไทย ผู้นำก็อ่อนแกเกินกว่าจะสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา บีบีซีแห่งนี้เองที่ทำให้สมการทางธุรกิจของสัมฤทธิผล

ว่าไปแล้วสิ่งที่ทำให้พ่อค้าอย่างราเกซ ล้ำหน้าผรั่งตาน้ำข้าวต้นตำรับวิชา Investment Banking ชนิดทิ้งห่างจนไม่ติดฝุ่นก็คือ พัฒนาการทางจิตวิทยาอันเยี่ยมยุทธ์ ที่ดูเหมือนพระเจ้าจะประทานพรสวรรค์นี้แก่สายพันธุ์ชาวภารตะโดยเฉพาะ ทำให้เขาสร้างสมการใหม่ที่ 1 + 1 อาจเป็น 5 ได้อย่างสมจริง และลงท้ายกลายเป็นก.ไก่ถึง ฮ.นกฮูกโดยไม่รู้ตัว

การควบและผนวกกิจการโดยผีมือของราเกซเฟื่องฟูประดุจโรคระบาดในช่วงปี 2535-2537 ทำเงินให้หลายต่อหลายคนเป็นกอบเป็นกำ และราเกซก็ไม่ลังเลที่จะผันเงินบางส่วนเป็นค่าคุ้มครอง เฉกเช่นพ่อค้าทั่วไปชองทำกัน

ด้วยเหตุนี้ ราเกซ จึงพาตัวเองเข้าไปสัมผัสกลไกอันดิบเถื่อนของเหล่านักเลือกตั้งไทยได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะพวกที่ยังชำระคราบไคลที่ตัวเองเคยชินสมัยยังทรงอิทธิพลตามบ้านนอกได้ไม่หมดจดนั้นยิ่งแล้วใหญ่ หาง่ายชนิดที่แทบจะเดินชนกันในรัฐสภาอันทรงเกียรติ โดยไม่จำกัดว่าเป็นฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล

เมื่อเทศกาลเลือกตั้งมาถึง เหล่านักเลือกตั้งมีสภาพไม่ต่างจากฝูงสัตว์ที่หิวโซจนหน้ามืด ครั้งนั้นหลายคนก็เคยใช้ราเกซบำบัดความหิวกระหายด้วยกันทั้งสิ้น

มาถึงวันนี้ไปถามใครก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ยอมรับว่าตัวเองรู้จักราเกซ

อันที่จริงละครแนวนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในอดีตเคยเบิกโรงมาหลายต่อหลายรอบ ตั้งแต่ยุคตึกดำ, ทรัสต์ 4 เมษา, แชร์ชม้อย ฯลฯ

กรณีบีบีซี และราเกซ เป็นแค่ตัวละครใหม่ในฉากที่ดูทันสมัย แต่ไม่พัฒนาของสังคมไทย

ท่านผู้อ่านลองนึกพลอตเรื่องทำนองนี้ดูก็ได้ว่า หากไม่ใช่ ราเกซ สักเสนา จะเป็นไปได้หรือไม่ว่ามีบุคคลใดก็ได้ ไม่จำกัดสัญชาติ เชื้อชาติ ลองได้มีสมองแบบราเกซ และเข้าถึงสังคมนักเลือกตั้งที่ดิบเถื่อนเช่นนักเลือกตั้งไทย ผสมโรงด้วยโชคชะตาที่พานพบแบงค์พาณิชย์ไทยสักแห่ง ที่ติดเชื้อภูมิคุ้มกันบกพร่องในสมรภูมิบริโภคนำยมที่แข่งขันกันอย่างรุนแรงเช่นบีบีซี โดยมีหมอที่ไม่อาจไล่ตามโรคร้ายอย่างแบงก์ชาติ คน ๆ นั้นจะไม่ทำอย่างราเกซเชียวหรือ ?

ไม่แน่ว่าอาจดิบและเถื่อนยิ่งกว่าราเกซ !

เห็นทีเราต้องหันกลับมามองปัญหากันดี ๆ อีกครั้ง บางทีต้นเหตุอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวราเกซทั้งหมดก็ได้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.