|
SOLARมั่นใจผลงานQ2ดีแน่ ทยอยรับรายได้โซลาร์โฮมเฟส2
ผู้จัดการรายวัน(23 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
SOLAR เผยไตรมาส 2 ผลงานออกมาดีแน่ หลังไตรมาสแรกพบกำไรตกลงกว่างวดเดียวกันของปี 48 Q1 กำไรหด เนื่องจากรับรู้รายได้และลงบันชีไม่ทัน ยันปีนี้โต 35% พร้อมรุกโมเดิร์นเทรด พร้อมตั้งเป้าบ้านติดแผงโซลาเซลล์ปี 50 ถึง 500 หลังคาเรือนจากปัจจุบันมี 100 หลังคาเรือน
นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด(มหาชน) (SOLAR ) เปิดเผยถึง กรณีที่ผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาสแรกปีนี้ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 48 เนื่องจาก เนื่องจากมีรายได้บางส่วนที่ทยอยรับรู้จากภาครัฐบันทึกรายได้ไม่ทันในช่วงไตรมาสแรก โดยรายได้ส่วนนี้จะไปรับรู้ในไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้
โดยปีนี้ SOLAR จะรุกตลาดโมเดิร์นเทรดมากขึ้น และบริษัทฯ มีแผนที่จะไปคุยกับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจในการสร้างบ้านในการติดแผงโซลา เซลล์ เพื่อประหยัดพลังงาน และตั้งเป้าที่จะติดตั้งแผงโซลาเซลล์ภายในปี 2550 อยู่ที่ 500 หลังคาเรือน จากปัจจุบันที่มีการติดตั้งประมาณ 100 หลังคาเรือน ซึ่งเจาะกลุ่มตลาดบนก่อน อีกทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์เติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมพลังงานทดแทนทั่วโลกขยายตัว 30-40% ต่อปี
นางสาววันดีกล่าวต่อว่า มั่นใจรายได้ไตรมาส 2 จะดีกว่าไตรมาสแรก โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากโซลาร์โฮม เฟส 2 มูลค่าประมาณ 470 ล้านบาท และตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 35% จากปี 48 ที่มีรายได้ 1.3 พันล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้งานเก่าจากภาครัฐ ประกอบกับบริษัทฯ จะเจาะตลาด roof top(เซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารเชื่อมต่อระบบจำหน่ายบนหลังคาบ้านและอาคาร)
สำหรับ กรณีที่ราคาวัตถุดิบในการผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการสินค้าในตลาดโลก ดังนั้น บริษัทฯมีแนวคิดว่าอาจจะมีการสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้นในอนาคตได้จากเดิมที่สต็อกสินค้าเพียง 1 เดือน ตามออเดอร์ลูกค้า
ศ.ดร.ดุสิต เครืองาม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SOLAR เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการกำกับ ดูแลกิจการไฟฟ้าหรือเรกูเลเตอร์ จะมีการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนใน วานนี้ ( 22 พฤษภาคม 49 ) จากที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมได้มีการประชุมไปแล้ว คาดว่าจะมีความคืบหน้าในนโยบายการรับซื้อพลังงานทดแทนในวันนี้ทางคณะกรรมการ ฯ จะมีการประชุมเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนและมาตรการอาร์พีเอสคือการกำหนดให้โรงไฟฟ้าใหม่ต้องใช้พลังงานทดแทน 5% ของพลังงานทั้งหมด ทั้งนี้คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในราคารับซื้อไฟฟ้าภายในปีนี้จากที่กระทรวงพลังงานได้ออกมาประกาศไว้ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมพลังงานทดแทน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|