|
“ยิ่งลักษณ์” เตรียมรีแบรนด์ดิ้ง เอสซีฯสลัดภาพพัวพันการเมือง
ผู้จัดการรายสัปดาห์(22 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”โชว์ภารกิจแรกเตรียมรีแบรนด์ดิ้ง “เอสซี แอสเสท” ลบภาพองค์กรพัวพันการเมือง ชูจุดเด่นความเป็นแลนด์ลอร์ดที่สร้างความได้เปรียบในด้านต้นทุนเหนือดีเวลลอปเปอร์อื่นๆ เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-สูง แต่ไม่พร้อมเจาะตลาดล่าง
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหารคนใหม่แห่งบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยจุดยืนทางธุรกิจว่าในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ได้แก่ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาว์นโฮม จะยังคงชูกลยุทธ์ Convergence ซึ่งเคยมีมาแต่เดิม คือ ผสมผสานความทันสมัยของไอทีเข้ากับที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด i-Home เช่น การประหยัดพลังงาน การออกแบบ ความปลอดภัย รวมทั้งการทำ CRM โดยการมองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นที่ตั้งเพื่อออกแบบโครงการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีแผนงานที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า เช่น สถาบันการเงินในด้านข้อเสนอทางการเงินที่คุ้มค่า ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์สำหรับการตกแต่งบ้าน เป็นต้น
ในส่วนของธุรกิจหลักของเอสซี แอสเสทฯ จะยังคงเน้นไปที่ 2 ธุรกิจหลัก คือ ตึกสำนักงานให้เช่า ซึ่งขณะยังไม่มีแผนการเนื่องจากยังอยู่ในระหว่างมองหาทำเลเพื่อซื้อที่ดิน โดยทำเลที่ยังมีเหลืออยู่ในขณะนี้ คือ ที่ดินว่างในบริเวณเดียวกับอาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดีรังสิต เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งต้องรอให้ผังเมืองกรุงเทพมหานครมีผลบังคับใช้ก่อน จึงจะสามารถออกแบบอาคารได้
ส่วนอีกธุรกิจหลัก คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย จะเน้นการทำโครงการเพื่อกลุ่มเป้าหมายระดับกลางและบน คือ บ้านเดี่ยวในระดับ 4-10 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ในระดับ 2-6 ล้านบาท คอนโดมิเนียมในราคา 1.5-6 ล้านบาท และขณะนี้กำลังเร่งศึกษาการทำบ้านเดี่ยวในราคา 3-4 ล้านบาทอยู่ แต่บริษัทจะไม่พร้อมที่จะลงไปเจาะบ้านในตลาดล่าง เนื่องจากไม่มีความถนัดในการด้านการบริหารต้นทุนและการบริหารการผลิตอย่างเพียงพอ
สำหรับในปีนี้เอสซี แอสเสทฯ มี 2 โครงการที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ คือ โครงการบ้านเดี่ยวบางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ ที่ขณะนี้ปิดการขายแล้ว และโครงการทาวน์โฮม ย่านถนนสามัคคี นนทบุรี ที่อยู่ในระดับราคา 2 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้พบว่าแนวโน้มของตลาดทาวน์โฮมยังทรงตัวไปได้เรื่อยๆ และมีราคาสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมมีราคาตกลงไปจากเดิม
เมื่อพิจารณาทำเลที่ตั้งโครงการที่อยู่ในย่านแจ้งวัฒนะ พบว่าเป็นทำเลที่มีอนาคตสดใส เนื่องจากตั้งอยู่บนถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด สามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้ รวมทั้งอยู่ในจุดใกล้ทางด่วนขั้นที่สองซึ่งสามารถเชื่อมโยงการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก และล่าสุดโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณก่อสร้างแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ย่านดังกล่าวเกิดการพัฒนามากขึ้น
ความได้เปรียบอีกประการหนึ่งของเอสซี แอสเสทฯ ที่คู่แข่งไม่สามารถปฏิเสธได้ คือ มีที่ดินสะสมรอการพัฒนาอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก กลายเป็นข้อได้เปรียบต่อคู่แข่งในด้านต้นทุน เนื่องจากที่ดินเหล่านั้นเป็นที่ดินที่ซื้อมาในยุคดอกเบี้ยต่ำ ภาระที่แบกรับในเวลานี้มีเพียงแค่ต้นทุนในการก่อสร้างพัฒนาโครงการ จึงสามารถสร้างกำไรได้งดงามกว่าคู่แข่งรายอื่น
ส่วนในตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคา 2 ล้านบาท เชื่อว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้น เห็นได้ยอดการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ สูงขึ้นกว่าบ้านเดี่ยว รวมทั้งสถิติการขออนุญาตสร้างก็เพิ่มขึ้น ซึ่งทางเอสซี แอสเสทฯ กำลังมองหาทำเลที่มีศักยภาพเพื่อจะสร้างโครงการคอนโดมิเนียมราคาตารางเมตรละ 80,000 บาท หรือยูนิตละ 2-5 ล้านบาท
“เชื่อว่ากระแสการเมืองที่ร้อนแรงน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำมาสู่การตัดสินใจทำรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ของเอสซี แอสเสทฯ ซึ่งยิ่งลักษณ์กล่าวว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างการสรรหาบริษัทที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษา และสำรวจมุมมองของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อแบรนด์ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถบอกถึงทิศทางของธุรกิจหลังการรีแบรนด์ดิ้งได้ในขณะนี้”
หากเอสซี แอสเสทฯ สามารถลบภาพลักษณ์ที่มีความใกล้ชิดกับการเมืองนี้ได้สำเร็จ น่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดหลังการเข้ามานั่งแท่นบริหารของยิ่งลักษณ์ เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์มีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากเพียงใด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|