“อิตาเลียนฯ”เดินหน้าปรับกระบวนทัพขยายธุรกิจสร้างรายได้แทนรับเหมา


ผู้จัดการรายสัปดาห์(22 พฤษภาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“อิตาเลียนฯ”เปิดแผนลงทุน เร่งสร้างรายได้ระยะยาว –กระจายความเสี่ยง เตรียมทุ่มงบ 24,000 ล้านบาท ขยายการลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องรับเหมาก่อสร้าง ทั้งเหมืองแร่ –ปูนซีเมนต์ มั่นใจโกยรายได้มากกว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปีนี้ตั้งเป้าโกยรายได้ 50,000 ล้านบาท

ต้องยอมรับว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีการเติบโตไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องและอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เพราะหากมีการลงทุนก่อสร้างก็ต้องใช้วัสดุก่อสร้าง และปูนซีเมนต์ในการก่อสร้างจำนวนมาก และถ้ายิ่งมีการลงทุนจำนวนมาก อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้นไปด้วย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งจะมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก ทั้งโครงการระบบขนส่งมวลชน และพัฒนาเมืองให้เจริญเทียบเท่าเมืองใหญ่ๆทั่วโลก โดยในอนาคตอันใกล้นี้ รัฐบาลมีแผนที่จะลงทุนโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และอยู่ระหว่างรอให้รัฐบาลใหม่มาตัดสินใจว่าสุดท้ายแล้ว จะมีการลงทุนโครงการเมกกะโปรเจกต์ หรือรถไฟฟ้า 10 สายทางหรือไม่ แต่เชื่อว่าเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายทางจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและแก้ปัญหาจราจรติดขัด

ดังนั้น จึงเชื่อว่าหลังจากที่รัฐบาลประกาศลงทุนโครงการเมกะโปรเจกท์ จะทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจเหมืองแร่จะเติบโตควบคู่ไปด้วย

บริษัท อิตาเลียน ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) หรือ ITD ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ เห็นโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจเหมืองแร่ บริษัทจึงแผนที่จะขยายการลงทุนสู่ธุรกิจดังกล่าว

เปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพื่อสร้างรายได้ระยะยาวให้กับบริษัท โดยในอนาคตคาดว่ารายได้จากส่วนนี้จะมากกว่ารายได้ที่มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 50,000 ล้านบาท สำหรับธุรกิจใหม่ที่บริษัทจะขยายนั้นจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาว และช่วยกระจายความเสี่ยงกับบริษัทด้วย โดยรูปแบบการดำเนินการจะทำแบบครบวงจร ซึ่งแผนการขยายธุรกิจนั้นจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เน้นการลงทุนพร้อมกันหลายธุรกิจ

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ซื้อกิจการของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปรแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( APPC ) เพื่อเตรียมผลิตแร่โปรแตซ ที่จ.อุดรธานี ปัจจุบันยังไม่ได้รับสัมปทานการผลิต มูลค่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท จากกลุ่มทุนแคนนาดา โดยอิตาเลียนไทยฯ ถือหุ้น 90% อีก 10% ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท สินแร่ไทย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้เหมืองแร่โปรแตซนี้ถือเป็นหนึ่งใน 3 แห่งของโลก

ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอประทานบัตร โดยหน่วยงานภาครัฐให้คำยืนยันว่าจะสามารถออกใบประทานบัตรได้ภายใน 1 ปี และหลังจากได้รับประทานบัตร บริษัทเตรียมแผนที่จะลงทุนสร้างเหมืองแร่ในทันที คาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนสร้างเหมืองแร่อีก 20,000 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี สามารถผลิตแร่ขายได้ทันที คาดว่าโครงการนี้จะสร้างรายได้ปีละ 20,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ลงทุนซื้อสัมปทานผลิตปูนซีเมนต์ โดยจัดตั้งบริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด ในปี 2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท และได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ บนเนื่อที่ 360 ไร่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตปูนเม็ด 2,500 ตัน/วัน ใช้ผลิตปูนซีเมนต์ได้ 3,000 ตัน/วัน หรือประมาณ 1 ล้านตัน/ปี ภายใต้แบรนด์ “ราชสีห์” โดยบริษัทได้รับสัมปทานเหมืองหินปูน 5 แปลง จำนวน 1,499 ไร่ คิดเป็นปริมาณหินสำรองสำหรับนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปูนซีเมนต์ได้ถึง 700 ล้านตัน

ปัจจุบันบริษัทใช้ปูนจากบริษัทภูมิใจไทยซีเมนต์ เพียง 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตเท่านั้นขณะที่ในแต่ละปี บริษัทจะใช้ปูนซีเมนต์ประมาณ 1 ล้านตัน เพราะต้องการกระจายสินค้าให้กับลูกค้าด้วย โดยปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 100 ราย ทั้งภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก รวมถึงกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีรายได้จากการขายปูนซีเมนต์ประมาณ 1,200 ล้านบาท

เปรมชัย กล่าวอีกว่า กำลังการผลิตดังกล่าว ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด และการใช้งานของบริษัท ดังนั้นจึงมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการกำลังการผลิตอีก 2 ล้านตัน/ปี โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดว่าแผนการลงทุนดังกล่าวจะสามารถสรุปได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 14 เดือน คาดว่าจะสามารถคุ้มทุนภายใน 5-6 ปี

ส่วนเงินที่จะนำมาเพิ่มกำลังการผลิตปูนซิเมนต์นั้น บริษัทมีแผนเพิ่มทุนอีก 1,500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่ออกดอลล่าร์บอนด์ จำนวน 200 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถออกได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ อัตราดอกเบี้ย 7% ระยะเวลา 10 ปี


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.