|

ฟันธงกำไรกลุ่มบล.ครึ่งปีแรกลดเจอภาวะหุ้นซบฉุดรายได้ค่าคอมมิชชัน
ผู้จัดการรายวัน(22 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ คาดกำไรกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ลดลงในช่วง 6 เดือน เหตุภาวะตลาดหุ้นซบเซา ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยลดลงเหลือ 50% ด้านนักวิเคราะห์ กำไรไตรมาส2/49 ทรงตัวจากไตรมาส 1 แต่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส1/48 หุ้นเด่น ภัทร เหตุ รับรู้รายได้ที่ปรึกษาทางการเงิน โรงกลั่นน้ำมันระยอง เบียร์ช้าง
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการผู้อำนวย บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัดในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่าผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ยังคงไม่ดีในอีก 6 เดือน เนื่องจากรายได้หลักของโบรกเกอร์ยังคงพึ่งพารายได้หลักจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ถึง 85% และจากมูลค่าการซื้อขายเบาบาง และสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยมีการลดลงเหลือ 50% จากเดิมที่นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนการลงทุน 60-70% เพราะนักลงทุนต่างประเทศเข้ามามีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งสัดส่วนลูกค้าโบรกเกอร์เป็นนักลงทุนรายย่อย ดังนั้นจึงทำให้ผลประกอบการปรับตัวลดลงตาม
ทั้งนี้เชื่อว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ภาวะตลาดจะมีการปรับตัวดีขึ้น และเศรษฐกิจก็จะมีการปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนและก็จะส่งผลดีให้มูลค่าการซื้อขายปรับตัวดีขึ้น แต่ขณะนี้โบรกเกอร์ก็จะต้องมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆเพื่อเป็นการกระจายรายได้ไม่พึ่งพารายได้หลักจากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อรองรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์ (เสรีคอมมิชชั่น)
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน กล่าวว่า บริษัทคาดว่า กำไรไตรมาส2/49ของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ คาดว่ากำไรสุทธิจะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาส1/49 จากมูลค่าการซื้อขายที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 18,000 -19,000ล้านบาทต่อวัน เนื่องจากภาวะตลาดไม่ค่อยดี จากราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ที่เพิ่มขึ้น และจากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว ปัจจัยการเมืองยังไม่ชัดเจน ทำให้ไม่มีแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้บริษัทที่รับเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนจะมีรายได้จากส่วนดังกล่าว จากไตรมาส1/49 ที่ผ่านมามีหุ้นเข้าจดทะเบียนเพียง 2 บริษัท ซึ่งหากเปรียบเทียบกับไตรมาส2/48 จะมีผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายไตรมาส2/48 อยู่ที่ 14,000 ล้านบาทต่อวัน
สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีผลกำไรโดดเด่น คือ บล.ภัทร เนื่องจาก จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ หรือ เบียร์ช้าง และบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน)หรือRRC
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ากำไรของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ไตรมาส2/49 จะมีการปรับตัวดลลงจากไตรมาส1/49 เนื่องจากคาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะอยู่ที่ 19,000 ล้านบาทต่อวัน จากไตรมาส1/49 ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 21,000ล้านบาทต่อวัน
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|