มิสทินปรับกลยุทธ์รับยุคน้ำมันแพงเล็งเข้าดิสเคานต์สโตร์


ผู้จัดการรายวัน(22 พฤษภาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

มิสทินยิ้มรับยอดขายไตรมาสแรกเติบโต 11% หลังปรับกลยุทธ์รับมือยุคน้ำมันแพง เผยปีนี้ทุ่มงบตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450 ล้านบาทอัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบเต็มสูบ พร้อมปรับราคาสินค้าบางรายการขึ้นจาก 39 บาทเป็น 59 บาท เล็งขยายช่องทางขายใหม่สู่ซูเปอร์สโตร์และดิสเคานต์สโตร์ ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีโต 11-13% พร้อมรุกหนักตลาดส่งออก โดยเฉพาะพม่าที่มีศักยภาพมากสุด คาดปีนี้ยอดขายโตสูง 40%

มิสทินทุ่มงบตลาดปีนี้กว่า 450 ล้านบาท

นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย ) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงชั้นเดียว “มิสทิน” เปิดเผยว่า ยอดรายได้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของบริษัทฯมีอัตราการการเติบโต 11% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดบางอย่างเพื่อให้เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กำลังประสบอยู่ อาทิ การปลดล็อคค่าสมัครฟรีของสาวมิสทิน จากเดิมต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมเข้า 200 บาท

ขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯเตรียมใช้งบการตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว10% โดยงบการตลาดจะถูกใช้ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่สองประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งการที่บริษัทฯใช้งบตลาดมาก เนื่องจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะไม่สดใส

“ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยข้อดี คือ จะทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและหันมาใช้สินค้าที่มีราคาประหยัด ซึ่งตรงนี้ส่งผลให้คนสนใจสมัครเข้าร่วมกับมิสทินมากขึ้น คาดว่าจะมีจำนวนสมาชิกใหม่เพิ่ม 20% จากปัจจุบันสมาชิกของมิสทินมีประมาณ 7 แสนราย ขณะที่สิ้นปีคาดว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มเป็น 8 แสนราย ส่วนข้อเสีย คือ สมาชิกจะทำงานหนักขึ้นและยอดการสั่งซื้อสินค้าจะมีน้อยลง”

นอกจากนี้ในปีนี้มิสทินยังมีการเพิ่มยอดกำลังซื้อต่อคนหรือการขายสินค้าในราคาที่สูงขึ้นจากปีที่แล้ว อาทิ จากเดิมราคาสินค้าลิปสติกและมาสคาร่าราคา 39 บาท ปรับเป็น 59 –139 บาท เป็นต้น ขณะที่ผลิตภัณฑ์มิสทินปีนี้จะมีการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเมกอัพที่คนยังนิยมซื้อสินค้าอยู่

ด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้ามิสทินปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายช่องทางใหม่ๆไปสู่ซูเปอร์ สโตร์และดิสเคานต์สโตร์ รวมถึงร้านบู้ทส์ คาดว่าจะได้เห็นในช่วงปลายปีนี้ โดยปัจจุบันสัดส่วนช่องทางดังกล่าวนี้คิดเป็น 5% และปีหน้าคาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มถึงเท่าตัว ปัจจุบันสินค้ามิสทินมีวางขายในคอนวีเนียน สโตร์แล้ว อาทิ เซเว่น อีเลฟเว่น, แฟมมิลี่มาร์ทและ108 ชอป

สำหรับยอดรายได้สิ้นปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้น 11-13% จากปีที่แล้วที่มียอดรายได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยการเติบโตมาจากการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ ช่วงกลางปีนี้จะมีแคมเปญใหม่ หรือการปรับลดต้นทุนในองค์กร รวมถึงการทำตลาดให้กับแคตตาล็อคฟลายเดย์ ซึ่งจำหน่ายสินค้าที่นอกเหนือจากแบรนด์มิสทิน โดยปีที่ผ่านมาฟลายเดย์มีอัตราการเติบโตถึง20%

นายดนัย กล่าวถึงภาพรวมของตลาดขายตรงว่า ปีนี้ตลาดทรงๆ มองว่าธุรกิจที่เข้ามาอยู่ก่อนจะได้เปรียบ ส่วนผู้เล่นรายใหม่ (New Comer) อาจจะต้องคิดหนักหน่อย สำหรับมูลค่าตลาดรวมขายตรงคาดการณ์ว่ามีประมาณ 26,000 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 5-6% แบ่งเป็นตลาดคอสเมติกในระบบขายตรงชั้นเดียว คิดเป็นมูลค่า 12,000 ล้านบาท โดยมิสทินมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 6,000 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัทเบทเตอร์เวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขณะนี้มีการทำตลาดที่ตลาดอินโดจีน เช่น พม่า, กัมพูชา,ฟิลิปปินส์ รวมถึงมีที่ปากีสถานและกำลังเล็งเข้าตลาดอินเดีย ปีนี้บริษัทฯคาดว่ายอดรายได้จะเติบโต 35-40% เนื่องจากตลาดหลักอย่างพม่ามีอัตราการเติบโตสูง ทั้งนี้ยอดรายได้ตรงส่วนนี้ปัจจุบันมีประมาณ 250 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดพม่า 100 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.