หุ้น"EPCO"ราคาพุ่งเฉียด 400%หลังกลับมาเทรดหมวดสิ่งพิมพ์


ผู้จัดการรายวัน(19 พฤษภาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

หุ้น "โรงพิมพ์ตะวันออก" คึกคัก หลังได้กลับมาซื้อขายในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์เป็นวันแรก ราคาปิดพุ่ง 395% ผู้บริหารชี้ราคาน่าจะแรงกว่านี้ ถ้าเข้ามาซื้อขายในจังหวะที่ภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย พร้อมระบุหุ้น "เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์" ราคาปรับตัวลดลง เป็นไปตามสภาพตลาดหุ้นโดยรวมที่ไม่ดี

วานนี้ (18พ.ค.) หุ้นบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO ได้ออกจากหมวดแก้ไขการดำเนินงาน (Rehabco) กลับมาซื้อขายในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์เป็นวันแรก โดยราคาเปิดอยู่ที่ระดับ 1.05 บาท ซึ่งได้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาปรับตัวขึ้นมาสูงสุด 1.18 บาท ก่อนจะมีแรงขายทำกำไรกดดันราคาหุ้นอ่อนตัวลงไปปิดที่ระดับ 0.99 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาปิดครั้งก่อน 0.79 บาท หรือคิดเป็น 395% มูลค่าการซื้อขาย 545.70 ล้านบาท

ขณะที่หุ้นบริษัทเอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SPACK ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก ราคาเปิดอยู่ที่ระดับ 2.90 บาท โดยช่วงแรกมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงสั้นทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาสูงสุดที่ 2.98 บาท ต่อมาได้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงและมาปิดที่ 2.60 บาท ลดลง 0.34 บาท หรือ 11.56% มูลค่าการซื้อขาย 83.95 ล้านบาท

ส่วนภาวะตลาดหุ้นโดยรวมดัชนีตลาดหุ้นปิดที่ 748.30 จุด ลดลง 14.06 จุด หรือ 1.84% มูลค่าการซื้อขาย 20,021.06 ล้านบาท

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ถ้าหุ้นเข้ามาซื้อขายในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย เชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงกว่านี้ เพราะพิจารณาจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์หลายแห่งจะประเมินว่าราคาหุ้นจะอยู่ในระดับ 0.80-2.00 บาท

ทั้งนี้ ในระดับราคาปัจจุบันถือว่ามีค่าพี/อี เรโชอยู่ที่ 11 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์นั้นจะมีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 20 เท่า ดังนั้นจึงเชื่อว่าถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น ราคาหุ้นก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก นอกจากนี้ บริษัทโรงพิมพ์ตะวันออกถือได้ว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพที่ดี โดยมีแผนงานที่จะขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 10%

ส่วนกรณีหุ้นบริษัทเอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก และราคาหุ้นปรับตัวลดลงนั้น เป็นการปรับตัวลดตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งในระดับราคาปัจจุบันประมาณ 2.74 บาทนั้น จะมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 6 เท่า ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่มีค่าพี/อี เรโชประมาณ 10 เท่า ดังนั้นจึงเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้อีก ถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัดได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก ซึ่งประเมินราคาที่เหมาะสมที่หุ้นละ 1.60-1.90 บาท โดยอิงกับค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 20 เท่า และเมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดก่อนการขึ้นเครื่องหมายเอสพี หรือ SP ที่หุ้นละ 0.05 บาททำให้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นอีกมาก ประกอบกับทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยังไปได้ดี ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อ

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยบล.ซิกโก้ได้ประมาณการรายได้รวมของบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออกในปี 2549-2550 จะอยู่ในระดับ 693 ล้านบาทและ 770 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปีอยู่ที่ระดับ 10% และ 11% ตามลำดับ จากการรับงานของฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการขยายฐานลุกค้าใหม่ภายหลังที่มีการขยายกำลังการผลิตในปีก่อน เช่น งานพิมพ์นิตยสารจากทางอาร์เอส พับลิชชิ่ง 3 หัว และทีวีบูรพา 1 หัว งานพิมพ์แบเรียนจากทางองค์การยูนิเซฟ และงานพิมพ์แคตตาล็อกจากลูกค้าญี่ปุ่นมูลค่า 30 ล้านบาท ต่อปี คาดว่าจะเริ่มรับงานได้ปลายปี 2549

นอกจากนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อยภายหลังการรับงานพิมพ์นิตยสารและแคตตาล็อก ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำมากขึ้น ส่งผลให้ฝ่ายวิจัย บล.ซิกโก้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2549และ 2550 ที่ 121 ล้านบาทและ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และ 11% ตามลำดับ และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.044 บาทต่อหุ้น รวมทั้งบริษัทยังได้มีการรุกขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยผ่านทางพันธมิตรธุรกิจทั้งผู้ถือหุ้นและที่เกี่ยวข้อง เช่น การขยายงานพิมพ์

สำหรับบรรจุหีบห่อผ่านบริษัทเอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์,การขยายงานแคตาล็อกเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านบริษัทเครสเทค(ประเทศไทย) รวมถึงยังได้ทำการขยายตลาดงานแคตตาล็อกไปยังลูกค้าประเทศญี่ปุ่นผ่าน ASIA SPECIAL SITUATIONS Holding

ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมในปีนี้ คาดว่าภาวะอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ภายในประเทศยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งก็มีการแข่งขันที่มากขึ้นทั้งด้านราคา คุณภาพ รวมไปถึงต้นทุนดำเนินงานในภาวะที่ค่าวัตถุดิบและเชื้อเพลิงอยู่ในระดับสูง โดยมองว่าโอกาสและข้อได้เปรียบของบริษัทในฐานะที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตสูง ทั้งยังได้ทำการขยายกำลังการผลิตจากการซื้อเครื่องจักรเข้ามาจำนวน 2 เครื่องในปีก่อน จะทำให้มีกำลังการผลิตเพียงพอเพื่อมารองรับกับปริมาณงานที่สูงขึ้นจากทั้งฐานลูกค้าเพิมและลูกค้าใหม่


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.