คาดควบ'กรุงศรี-จีอีมันนี่'คลังธปท.โยนกลองวุ่น-ดีลยังไม่จบ


ผู้จัดการรายวัน(19 พฤษภาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"คลัง-แบงก์ชาติ" ยังไม่สรุปกรณีจีอีแคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก ซื้อหุ้นแบงก์กรุงศรีฯ 25% เหตุขัดติดกฎถือหุ้น 2 แบงก์-มีหุ้นเกิน 5% "ธาริษา"โยน "ทนง" ตัดสินใจ ขณะที่ขุนคลังชี้เป็นหน้าที่แบงก์ชาติ แนะให้หาทางดึงเงินทุนต่างชาติไว้ให้ได้ ด้านแบงก์กรุงศรีฯ เผยจีอีฯ เป็นพันธมิตรที่ต้องการลงทุนระยะยาว คาดจีอีฯ กำลังตัดสินใจหาทางออกที่ไม่ขัดกฎเกณฑ์แบงก์ชาติ แนวโน้มอาจควบBAYกับจีอี มันนี่ หรือแนวทาง 2 ต้องขายหุ้นในจีอี มันนี่ออกไป

นายทนง พิทยะ รักษาการ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การที่บริษัท จีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นนักลงทุนจากต่างประเทศ เข้ามาซื้อหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เป็นจำนวนกว่า 25 % ของทุนจดทะเบียน ซึ่งถือว่าเกินกว่าที่กำหนดไว้ให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ของไทยได้ไม่เกิน 5% นั้น เป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องดูแล แต่หัวใจสำคัญ ของการลงทุน คือ ทำอย่างไรจะทำให้เงินทุนอยู่ในประเทศไทย ซึ่งการผ่อนกฎเกณฑ์บางอย่าง โดยให้ต่างประเทศเกินถือหุ้นเกินกว่าที่กำหนด ถือเป็นเรื่องของ ธปท. เป็นผู้ตัดสินใจ

"ธปท. จึงมีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพเพื่อไม่ให้ธนาคารได้รับผลกระทบ และพิจารณาถึงความเหมาะสมในการเข้ามาถือหุ้นดังกล่าว" นายทนงกล่าว

ขณะที่นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้จีอีฯ ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตเรื่องดังกล่าวมายัง ธปท. จึงยังไม่สามารถตอบรายละเอียดอะไรได้ อย่างไรก็ตามทั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยาและจีอีฯ ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์สถานะเดียวกัน ซึ่งไม่ให้บริษัทลูกทำธุรกิจสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตามสุดท้ายอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา

เผยจีอีฯอาจเลือกควบรวม"BAY-จีอีมันนี่"

แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า การเข้ามาถือหุ้นของจีอีฯ ในสัดส่วน 25 % ถือว่ามีนัยสำคัญทางธุรกิจ โดยสามารถส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการหรือเข้ามาบริหารได้ตามสัดส่วน ดังนั้นอาจจะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงของธนาคารอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจรายย่อย ที่จีอีฯ เป็นบริษัทต่างชาติที่มีความแข็งแกร่งด้านรายย่อย เทคโนโลยีที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้า ซึ่งจะเข้ามาใช้เครือข่ายของธนาคาร เพื่อช่องทางการขายและขยายธุรกิจให้ก้าวกระโดดได้ ในขณะเดียวกันธนาคารกรุงศรีอยุธยาเอง นอกจากที่จะได้เงินทุนเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังถือว่ามีพันธมิตรที่เสริมธุรกิจรายย่อยนำจุดแข็งของจีอีฯ ที่มีอยู่เข้ามาพัฒนาระบบและผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับลูกค้าของธนาคารได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถือว่าน่าจะเป็นการร่วมทุนที่เหมาะสม เอื้อประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย

“จีอีฯ ไม่ใช่พันธมิตรกลุ่มใหม่ของแบงก์ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมลงทุนถือหุ้นในบริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา ที่ธนาคารถือหุ้นอยู่ประมาณ 49 % ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้นของ จีอี แคปปิตอล ซึ่งดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตอยู่ในประเทศไทย การเข้ามาถือหุ้นในแบงก์จึงเป็นเรื่องที่น่าจะเข้ามาเป็นพันธมิตรในระยะยาวมากกว่าที่จะเข้ามาเป็นนักลงทุน และคาดว่าจะสามารถเอาประโยชน์เสริมจุดแข็งให้กันและกันได้”

อย่างไรก็ตามการเข้ามาถือหุ้นของจีอีฯ จะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากตามเกณฑ์ของธปท.นั้น ให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ได้รายละไม่เกิน 5 % นอกจากนี้จีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก ยังถือหุ้นในธนาคารจีอี มันนี่ ประเทศไทยด้วย อาจจะผิดเงื่อนไขของธปท.ที่ห้ามถือหุ้นไข้ว ดังนั้นเชื่อว่าจีอีจะต้องเลือกในการถือหุ้นธนาคารใดธนาคารหนึ่งหรือใช้วิธีอื่นๆ ที่ไม่ให้ผิดเกณฑ์ของธปท.

"แนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด จีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก เลือกที่จะควบรวมกิจการแบงก์กรุงศรีฯ กับจีอี มันนี่ ส่วนแนวทางที่ 2 อาจจะเลือกที่จะขายหุ้นในจีอี มันนี่ออกไป"

นายภารไดย์ ธีระธาดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ ธนาคาร จีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้น เป็นการเข้าลงทุนในลักษณะพันธมิตร ซึ่งผลสรุปสุดท้ายข้อตกลงในการเจรจาจะเป็นอย่างไร ต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาในรายละเอียด จึงไม่สามารถให้ความเห็นใดๆ ได้ จนกว่าจะได้ข้อตกลงเป็นที่แน่ชัด

ตลท.สอบอินไซด์หุ้นBAY

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยาย้อนหลัง ควบคู่กับกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ว่าสอดคล้องกันหรือไม่

ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่าราคาหุ้นย้อนหลังและกระแสข่าวลือมีความสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบว่ามีการใช้ข้อมูลภายในหรืออินไซด์เดอร์เพื่อหาผลประโยชน์หรือไม่ โดยขั้นตอนต่อไปอาจจะขอข้อมูลการซื้อขายหุ้นจากโบรกเกอร์

ทริสระบุไม่กระทบเครดิตธนาคารทันที

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศวันนี้ว่า ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” และหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารที่ระดับ “A-” เช่นเดิมหลังจากคณะกรรมการของธนาคารได้มีมติเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2549 ให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอของ GE Capital Asia Pacific Ltd ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของธนาคารในราคาหุ้นละ 16.00 บาท โดยที่คณะกรรมการยังมีความเห็นว่าสัดส่วนการลงทุนประมาณ 25% ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วหลังการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของธนาคารนั้นให้เสนอขอความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า อันดับเครดิตของธนาคารในปัจจุบันได้พิจารณาถึงการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในธุรกิจบัตรเครดิตระหว่างธนาคารและธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย ไว้แล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าหากการลงทุนซื้อหุ้นดังกล่าวประสบความสำเร็จ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเห็นชอบจาก ธปท. เป็นประเด็นสำคัญต่อความสำเร็จดังกล่าว เนื่องจากยังมีข้อจำกัดจากข้อกฎหมายในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติและนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ

ทั้งนี้ โดยทางกฎหมายแล้ว สถาบันการเงินใด ๆ จะถูกห้ามมิให้ถือหุ้นในสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่งเกิน 5% นอกจากนี้ ภายใต้นโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบที่ระบุในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน สถาบันการเงินหนึ่งๆ สามารถมีสถาบันการเงินในกลุ่มธุรกิจเดียวกันที่รับฝากเงินจากประชาชนได้เพียง 1 รูปแบบเท่านั้น แต่ธนาคารจีอีมันนี่ เพื่อรายย่อย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ต่างก็เป็นสถาบันการเงินที่รับฝากเงินจากประชาชนเหมือนกัน

หากการลงทุนดังกล่าวประสบความสำเร็จ ทริสเรทติ้งจะทำการทบทวนผลการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยาอย่างรอบด้านและจะประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตแก่สาธารณะต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารได้รับอันดับเครดิตองค์กรระดับ “A” และอันดับเครดิตตราสารหนี้ระดับ “A-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.