|
"ไชยยันต์"ยันไตรมาส3อสังหาฯฟื้นแน่เหตุคนซื้อใจชื้นเหตุปัญหาเริ่มเคลียร์
ผู้จัดการรายวัน(17 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"ลลิล"ระบุ การเมือง-น้ำมัน-ดอกเบี้ยเริ่มชัดเจน มั่นใจภายไตรมาส3 ตลาดฟื้นแน่นอน เผยยอดขออนุญาตจัดสรรบ้านเดี่ยวลด 21%ส่งผลให้ตลาดเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล แจงการเมืองฉุดกำไรเบื้องต้นไตรมาสแรกหด2% ชี้ผลประกอบการไตรมาสแรกกวาดรายได้ 582 ล้านบาท กำไรสุทธิ 132 ล้านบาท
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า จากการตรวจสอบการออกใบอนุญาตจัดสรรของกรมที่ดินพบว่า ณ สิ้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มียอดการขออนุญาตจัดสรรประเภทโครงการบ้านเดี่ยวรวม 10,026 ยูนิต ลดลง 21% ขณะที่ตลาดโดยรวมมีการขออนุญาตจัดสรรลดลง 5% สอดคล้องกับแนวโน้มของการชะลอตัวทางด้านกำลังซื้อในตลาด ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีที่จะทำให้ความต้องการ(ดีมานด์) และซัปพลายในตลาดเข้าสู่จุดภาวะสมดุล โดยคาดว่าตลอดทั้งปีการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ น่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 10%
ทั้งนี้ จากภาวะการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ได้ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ดังนั้นแนวโน้มการซื้อบ้านของลูกค้า จะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่มีขนาดลดลงและระดับราคาที่ต่ำลง โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท
"อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบจากการภาวะการเมือง ดอกเบี้ย และน้ำมัน ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากลูกค้าชะลอการซื้อเพราะไม่มั่นใจในสถานการด้านการเมือง โดยเฉพาะในช่วงเดือน ก.พ. แต่หลังจากที่ความชัดเจนด้านการเมือง ซึ่งมีการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่แล้ว รวมถึงความชัดเจนด้านการปรับอัตราดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของปี โดยการปรับขึ้นครั้งนี้จะไม่เกิน 0.25-0.5% ส่วนความชัดเจนของราคาน้ำมันนั้น เชื่อว่าระดับราคาน้ำมันในปีนี้จะอยู่ในระดับ 70 เหรียญต่อบาร์เรล และคาดจะปรับราคาลดลงอีกในปี 2550 ซึ่งปัจจัยต่างๆ ในขณะนี้ถือว่าเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น " นายไชยยันต์กล่าว
ซึ่งภาพที่เริ่มชัดเจน จะส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถมีความแน่นอนในการคำนวณรายได้ และเตรียมงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยได้ และเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค คาดภายในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ มีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเริ่มกลับมาดีขึ้น หลังจากในช่วงต้นปีตลาดมีการชะลอตัวตามปัจจัยต่างๆ โดยในส่วนของบริษัท ได้รับผลกระทบเหมือนเช่นบริษัทพัฒนาอสังหาฯรายอื่นๆ ทำให้อัตรากำไรเบื้องต้นของบริษัทฯลดลง 1-2% เทียบกับ
โดยในส่วนของ บริษัทได้รับผลกระทบจากด้านยอดขายเล็กน้อย ทำให้อัตรากำไรเบื้องต้นลดลง 1-2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 48 ที่มีอัตรากำไรเบื้องต้น เติบโตของกำไรเบื้องต้นลดลง 1-2% จากปี48 ที่มีตัวเลขกำไรเบื้องต้นประมาณ 44-45% ลงมาเหลือ 43% โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รับรู้ 582 ล้านบาท จากยอดขายรวม 578 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้น 250ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 132 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการที่บริษัทได้เปิดขายโครงการใหม่ 2 โครงการ ประกอบด้วย The young Executive และโครงการ The Balcony Town Home มูลค่ารวม2โครงการ 2,000 ล้านบาท จะทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นโดยจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป ทั้งจากในส่วนของรายได้รอรับรู้เดิมที่มีอยู่ 600 ล้านบาท และจากยอดขายในโครงการใหม่ เนื่องจากลูกค้ามั่นใจและมีความเชื่อมันจากความชัดเจนในด้านเศรษฐกิจ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|