|
“ช้างดาว”สบช่องเบียด“แอดด้า-กีโต้”ชูจุดแข็งรองเท้าฟองน้ำพรีเมียมราคาต่ำ
ผู้จัดการรายวัน(15 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“นันยาง” ชี้ตลาดรองเท้าฟองน้ำรับอานิสงส์เศรษฐกิจชะลอ-กำลังซื้อหด “ช้างดาว” ขาขึ้น ชูราคาถูกกว่า 50-70 บาทล่อใจภูธร แถมจี้จุดอ่อนดีไซน์มาไวไปไว ถล่มรองเท้าแตะแฟชั่นแอดด้า-กีโต้ สิ้นปีตั้งเป้ารายได้พุ่ง 5-10%
นายวงศกร โชติวิบูลธนวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายตรานันยาง เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดรองเท้าฟองน้ำปีนี้มีโอกาสที่จะมีอัตราการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังการซื้อของคนที่ลดลง ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภค หันมาเลือกซื้อรองเท้าฟองน้ำที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา ใส่ได้นาน โดยมีราคาตั้งแต่ 20-60 บาท มากกว่ารองเท้าแฟชั่น อาทิ แอดด้า และกีโต้ ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
สำหรับการทำตลาดรองเท้าฟองน้ำ “นันยาง ช้างดาว” วางตำแหน่งตลาดเป็นรองเท้าฟองน้ำระดับพรีเมียมราคาตั้งแต่ 50-60 บาทขึ้นไป ซึ่งสัดส่วนตลาดมีราว 30% จากตลาดรวม ส่วนตลาดรองเท้าระดับล่าง ราคาไม่เกิน 20-25 บาท เป็นตลาดใหญ่ที่สุดมีสัดส่วน 40% และตลาดกลาง 35-40 บาท มีสัดส่วน 30% โดยรองเท้านันยาง ช้างดาว ชูจุดขายความทนทานทลายกลยุทธ์ราคาและการผลิตสินค้าลอกเลียนแบบของคู่แข่งกว่า 10 แบรนด์
ขณะที่คู่แข่งรายหลักที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน คือ รองเท้าฟองน้ำ “เข็มทิศ” จำหน่ายราคาถูกกว่าช้างดาวถึง 20 บาท อย่างไรก็ตามในตลาดรองเท้าฟองน้ำบริษัทฯยังใช้ความหลากหลายของสินค้าที่มีอยู่ ประกอบด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ ฟองน้ำหูหนีบ รุ่น 200 รองเท้าฟองน้ำ 4 หู รุ่น 212 (Birdie) รองเท้าฟองน้ำ 8 หู รุ่น 213 รองเท้าฟองน้ำบัตเตอร์ฟลาย รุ่น 222 รองรับความต้องการของตลาดที่มีความหลากหลาย
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ชูจุดแข็งนันยาง ช้างดาว ด้านการออกแบบร่วมสมัย เรียบง่าย สวมใส่ได้ตลอด และมีการสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น ทลายรองเท้าแฟชั่นที่มีจุดอ่อน คือ อายุรูปแบบรองเท้าสั้นมาไวและไปไว เพื่อสกัดผู้บริโภคหันไปซื้อรองเท้าแฟชั่นใส่ โดยบริษัทฯทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโฆษณาแมกกาซีน และหนังสือพิมพ์ตอกย้ำตราสินค้าอย่างต่อเนื่องทั้งปี
แนวโน้มการเติบโตรองเท้าฟองน้ำมีอัตราการเติบโตค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับรองเท้าหูหนีบอัตราการเติบโตคงที่ โดยปัจจุบันตลาดรองเท้าหูหนีบกลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มผู้ชายเป็นหลักในสัดส่วนถึง 70% ที่เหลืออีก 30% เป็นกลุ่มผู้หญิง สำหรับปัจจัยการตัดสินใจซื้อรองเท้าฟองน้ำผู้บริโภคจะคำนึงความทนทานเป็นหลัก
สำหรับการจัดจำหน่ายบริษัทฯจะโฟกัสที่ตลาดต่างจังหวัดในสัดส่วนถึง 80% ส่วนกรุงเทพฯเพียง 20% เนื่องจากพฤติกรรมของคนต่างจังหวัดนิยมใส่รองเท้าแตะมากกว่า ทั้งอยู่บ้านและนอกบ้าน เมื่อเทียบกับคนกรุงเทพฯหรือในหัวเมืองใหญ่จะนิยมใส่รองเท้าแฟชั่น โดยบริษัทฯจะเน้นจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย และหน่วยรถของบริษัทฯเอง ขณะที่ช่องทางโมเดิร์นเทรดไม่มีแผนที่จะเข้าไปจำหน่าย
“การขึ้นราคา 2-3% ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากราคา 55 บาท เป็น 60 บาท ไม่มีผลต่อยอดขาย เพราะนันยาง ช้างดาวผู้บริโภคมีแบรนด์รอยัลตี้สูงมาก จากการเป็นแบรนด์เก่าแก่อยู่ในตลาดมานานกว่า 50 ปี ปัจจุบันนันยาง ช้างดาว มีฐานลูกค้าเก่าอายุ 40-60 ปี ในสัดส่วน 50% ส่วนฐานลูกค้าใหม่อายุ 20-40 ปี สัดส่วน 50%
สำหรับผลประกอบการรองเท้านันยาง ช้างดาว ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 5-10% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทฯส่วนหนึ่งมาจากรองเท้าฟองน้ำ และส่วนหนึ่งมาจากรองเท้าผ้าใบนันยาง นอกจากนี้บริษัทฯจะเน้นขยายตลาดส่งออกรองเท้าฟองน้ำ-แตะไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น ในอินโดนีเซีย เป็นต้น แต่ยังเป็นส่วนที่น้อยมาก ซึ่งตลาดต่างประเทศส่วนมากตัวแทนจำหน่ายจะเป็นผู้ส่งออกไปจำหน่ายเอง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|