หุ้น SILI กับบทพิสูจน์ "กึ๋น" ครั้งใหม่ของเศรษฐา ทวีสิน


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

บริษัทแสนศิริ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ตัวสุดท้ายที่เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา และก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงภาวะตกต่ำของธุรกิจที่ดิน จากราคาจอง 63 บาทปิดราคาซื้อขายจริงวันแรก 64 บาทสูงกว่าราคาจองเพียง 1 บาท เรียกว่าลุ้นกันแทบหืดขึ้นคอ

หลังจากนั้น ปักหัวดิ่งมาตลอดจนช่วงประมาณกลางเดือนสิงหาคมนั้น ราคาประมาณ 40-50 บาท ต่ำกว่าราคาจองตลอด

ทำไม ? บริษัทแสนสิริจึงกล้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำต่อเนื่องมานานเป็นคำถามที่มองย้อนกลับไป

ปัจจุบันแสนสิริกำลังมีอาคารสูงที่กำลังก่อสร้างพร้อม ๆ กันถึง 9 โครงการ ใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านบาท เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินบริษัทเดียวที่กำลังทำโครงการตึกสูงในเมืองพร้อม ๆ กันมากที่สุด

โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนหลังของปี 2537 ที่ผ่านมานั้น บริษัทได้ทยอยเปิดโครงการถึง 4 โครงการในปี 2538 มีโครงการที่ยังไม่เปิดตัวแต่ก่อสร้างไปก่อนอีก 2 โครงการ และเปิดตัวเป็นทางการไปแล้วอีก 1 โครงการ และมาในปี 2539 นี้กำลังเตรียมทำฐานรากอีก 2 โครงการใหญ่

โครงการส่วนใหญ่เป็นคอนโดที่อยู่อาศัยและเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์รวมทั้งหมดแล้วประมาณ 1,000 ยูนิตเป็นพื้นที่ของออฟฟิศและพลาซ่าประมาณ 70,000 ตารางเมตร

มันเป็นการทำธุรกิจสวนกระแสที่นักลงทุนรายอื่นกำลังจับตามองด้วยความสงสัยว่าเขากล้าทำไปได้อย่างไร ?

และตรงจุดนี้คงพอเป็นคำตอบได้ระดับหนึ่งว่า เพราะอะไรบริษัทแสนสิริจึงจำเป็นต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์

เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เองก็ยอมรับกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่าช่วงนี้บริษัทจำเป็นต้องใช้เงินมาก การเข้าตลาดหลักทรัพย์ทำให้มีช่องทางในการระดมทุนมากขึ้น รวมทั้งการเข้าตลาดจะทำให้ภาพจน์ของบริษัทดีขึ้น

หากพลิกปูมหลังของบริษัทแสนสิริ จะพบว่า มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ฝ่าย คือ กลุ่มตระกูลล่ำซำ และตระกูลจูตระกูล ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติที่สนิทสนมกันมานาน

"คุณชนาทิพย์ น้องสาวคุณบัญชา และบรรยงค์ ล่ำซำ ได้แต่งงานกับคุณโชติ จูตระกูล และมีลูกชาย 2 คน คือ อภิรักษ์ และอภิชาติ ส่วนคุณแม่ของผมเป็นน้องสาวคุณโชติ"

เศรษฐา อธิบายถึงสาแหรกของเขาให้ฟัง อภิชาติ กับอภิรักษ์ ก็คือกรรมการบริหารของบริษัท

ก่อนหน้านี้ ล่ำซำได้มีบริษัทของตัวเอง คือ บริษัทสิริภิญโญ ทำหน้าที่บริหารทรัพย์สินให้กับตระกูลซึ่งตั้งมาประมาณ 28 ปี

ส่วนทางตระกูลจูตระกูลมีบริษัทแสนสำราญ ซึ่งตั้งมาประมาณ 13 ปี บริหารทรัพย์สินของตระกูลจูตระกูลเช่นกัน

บริษัท สิริภิญโญ และบริษัทแสนสำราญของ 2 ตระกูลนี้ ได้ผนึกพลังรวมเป็นบริษัทแสนสิริ เมื่อประมาณปี 2537 โดยมีนโยบายในการทำธุรกิจ 3 ประเภทหลัก คือ ธุรกิจการขายคอนโดมิเนียม ธุรกิจการให้เช่า และธุรกิจการให้บริการ โดยมุ่งไปยังทำเลย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่

จุดเด่นอย่างหนึ่งของกลุ่มบริษัทนี้อยู่ที่ว่า กรรมการบริหารบริษัทถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นคนของตระกูลทั้ง 2 แต่นับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านการบริหารงานสมัยใหม่ หลายคนจบการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจจากอเมริกา และที่สำคัญเป็นตระกูลที่มีสายสัมพันธ์อย่างดีกับแหล่งเงินทุนใหญ่ในประเทศ เพราะนอกจากล่ำซำแล้ว ทางกลุ่มนี้ยังเป็นเครือญาติกับทางตระกูลจักกะพากอีกด้วย

"คุณชูเชิดน้องสาวคุณโชติ คือ ภรรยาของ ดร.ประภาส จักกะพาก บิดาคุณปิ่น และคุณชดช้อย คุณแม่ผมก็คือน้องสาวคุณชูเชิด หรือสรุปง่าย ๆ อีกทีก็ คือ คุณปิ่น ผม และคุณอภิรักษ์ก็คือ ลูกพี่ลูกน้องกัน" เศรษฐา กล่าวและเล่าให้ฟังต่อว่า เขาได้ความรู้ทางการเงินจากปิ่นมาพอสมควรทีเดียว เพราะเป็นญาติที่วัยห่างกันไม่มากนัก

นอกจากนั้น หลังจากการกระจายหุ้นแล้ว ยังได้กลุ่มธนาคารไทยทนุมาถือหุ้นอีก 5.58% เพิ่มความแกร่งเรื่องการเงินมากขึ้น โดยตระกูลจูตระกูลเหลือหุ้นเพียง 39.71% กลุ่มล่ำซำถือหุ้น 35.09% ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ถืออยู่ 0.84% และกลุ่มอื่น ๆ อีก 3.29%

ในเรื่องที่ดิน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า กลุ่มนี้เอาที่ดินมรกดมาพัฒนาโครงการนั้น แต่ความเป็นจริงก็คือ โครงการทั้งหมดที่ทำมานั้นเป็นที่ดินมรดกของตระกูลจริง ๆ เพียง 3 โครงการเท่านั้น คือ ที่ดินแปลงซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารสิริ ภิญโญ เป็นของตระกูลล่ำซำ ที่ดินซึ่งจะสร้างโครงการเซ็นจูรี่ปาร์คพลาซ่าบนถนนสุขุมวิท และโครงการบ้านไข่มุกที่หัวหินนั้นเป็นที่ดินของตระกูลจูตระกูล นอกจากนั้นเป็นที่ดินที่ผู้บริหารไขว่คว้าหามาใหม่เอาทั้งสิ้น

ดังนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดว่าต้นทุนที่ดินของกลุ่มนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าต่ำกว่านักพัฒนาที่ดินรายอื่นเลย

วันนี้ เมื่อราคาหุ้นต่ำเกินความคาดหมาย "กึ๋น" ของเศรษฐา และทีมงานก็ต้องทำการพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า จะแก้ไขกันอย่างไร



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.