|
SCช้ำขายบ้านได้แต่กำไรลด30%" สหัส"แก้ลำรีแบรนด์สินค้า-ราคาพ่วงโละทิ้งโลโก้ชินฯ
ผู้จัดการรายวัน(11 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
กำไรเอสซี แอสเสทฯออกอาการแย่!!! กำไรไตรมาสแรก เกือบ 70 ล้านบาท ลดลงใกล้ 29% ซึ่งเป็นการสวนทางกับยอดขายและค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น เหตุต้นทุนการขายโครงการสูงขึ้น "สหัส"เร่งกู้ภาพลักษณ์เอสซีฯ หลังมีผู้ถือหุ้นตระกูลชินวัตร ฟันธงต้องโละทิ้งโลโก้ที่มีสัญลักษณ์คล้ายธุรกิจมือถือทิ้ง ปรับระดับราคาสินค้า หวั่นลูกค้าสับสน เล็งปลายปีเปิดทาวน์เฮาส์รูปโฉมใหม่ ประกาศลั่นถ้าพบเห็นบริษัทข้องเกี่ยวที่ดินคุณหญิงพจน์ พร้อมที่จะถูกฆ่า
นายสหัส ตันติคุณ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ sc เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 49 ว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 69.76 ล้านบาท ลดลง 28.98 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 48 มีกำไร 98.74 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจาก มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 234.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 26.98 ล้านบาทหรือคิด 13% จากช่วงเดียวกันปี48 เนื่องจากบริษัทมีโครงการเพื่อขายมากขึ้น ได้แก่ โครงการบ้านจัดสรรจำนวน 2 โครงการ และมีโครงการทาวน์โฮม จำนวน 2 โครงการ ขณะที่รายได้รวมทำได้ 425.78ล้านบาท เทียบกับ 393.02 ล้านบาทช่วงเดียวกันปี 48
รายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น 7.02 ล้านบาทมาอยู่ที่ 185 ล้านบาท คิดเป็น 3.94% เนื่องจากมีผู้เช่าพื้นที่อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นจากอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ซึ่งเริ่มเปิดใช้อาคารในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
แต่เมื่อพิจารณาจากต้นทุนแล้ว พบว่า ต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายเท่ากับ 64.19% และ 58.43% ซึ่งเกิดจากต้นทุนขายของโครงการใหม่ที่สูงขึ้น ส่วนต้นทุนค่าเช่าและบริการต่อรายได้ค่าเช่าและบริการ เท่ากับ 45.57% และ 46.41% สำหรับไตรมาสแรกปี48 ซึ่งอัตราส่วนนี้ลดลง 0.84% โดยค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 324.1 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันอยู่ที่ 272.1 ล้านบาท
ดังนั้น กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ที่ 101.65 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกัน 120.8 ล้านบาท อัตราลดลงประมาณ 44.09% ขณะที่ปี 48 กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 47.26%
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า เอสซีฯมี Backlog ประมาณ 600 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 ซึ่งประมาณ 500 ล้านบาทมาจากโครงการ Centric Scene condominium ซึ่งในขณะนี้มีการก่อสร้างเสร็จไปแล้ว 35% ภายใต้สัญญาทางบริษัทสามารถเริ่มบันทึกรายได้ถ้าเงินดาวน์มีอยู่เกิน 20% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 4/49 จากยอดขายที่แข็งแกร่ง
สำหรับความคืบหน้าการรีแบรนด์ ดิ้งบริษัทนั้น นายสหัส กล่าวว่า ภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการรีแบรนด์ ดิ้ง โลโก้ของบริษัทฯ เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในบริษัท โดยแน่นอนโลโก้เดิมที่เป็นสัญญาวงกลมสีน้ำเงินที่มีเส้นตัดผ่านโลโก้จะต้องถูกเปลี่ยนเป็นโลโก้แบบอื่น ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรูปลักษณ์ใหม่ของโลโก้ได้ เพราะทุกอย่างจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง
"สเต็ปต่อไป คือการรีแบรนด์ในตัวสินค้าให้มีความชัดเจนกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เพราะปัญหาของเอสซีตอนนี้ คือ มีสินค้าบ้านเดี่ยวจะเป็นแบรนด์บางกอกบูเลอวาร์ดที่เสนอราคาตั้งแต่ 4-10 ล้านบาท ทำให้การที่จะกำหนดกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงลูกค้าค่อนข้างลำบาก ขณะเดียวกันลูกค้าเกิดความสับสนในตัวสินค้า ดังนั้น ต้องมีการรีแบรนด์ตัวสินค้า อาทิ แบรนด์ที่ทำสินค้าระดับ 4-5 ล้านบาท แบรนด์ราคา 5-8 ล้านบาท และแบรนด์ 8-12 ล้านบาท ซึ่งในช่วงปลายปีจะมีการเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ แบรนด์ใหม่ ในทำเลย่านประชาชื่น ตรงนี้รูปแบบโครงการจะแตกต่างกับโครงการวิสต้า ปาร์คที่มีอยู่"นายสหัสกล่าว
ยันไม่มีการเมืองมากดดดัน
นายสหัส กล่าวถึงการทำงานในบริษัทเอสซี ซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูลชินวัตร ว่าตนไม่ได้หนักใจในการทำงานในบริษัท ซึ่งการทำงานของตนเป็นแบบมืออาชีพ ไม่มีการเมืองเข้ามากดดัน และไม่มีใครจะมากดดันตนได้
" ส่วนประเด็นเรื่องการเมืองอย่าเอามาโยงกับเอสซี แอสเสท ถ้าเรื่องของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่มีที่ดินอยู่ในมือมากมายจะเอามาให้บริษัทพัฒนาโครงการ ต้องขอบอกไม่มี ถ้ามีก็ให้มาฆ่าผมได้ สู้ไปซื้อที่ดินมาพัฒนาเองจะดีกว่า และตอนนี้ตนก็ขีดเส้นเป็นวงกลม ไม่เอาที่ดินของคุณหญิงมาทำ ตั้งแต่เข้ามาทำงานพบคุณหญิงเพียงครั้งเดียวตอนวันเกิด ปัจจุบันบริษัทมีแลนด์แบงก์ประมาณ 200 ไร่ ส่วนแผนที่จะไปพัฒนาโครงการต่างจังหวัดนั้น คิดอยู่เหมือนกัน กำลังดูอยู่ แต่ตอนนี้ขอขับรถดูไปเรื่อยๆไปก่อน "นายสหัสกล่าวเช่นนั้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|