|
บริษัทหลักทรัพย์โชว์ผลงานไตรมาส1บัวหลวงนำโด่งกำไรสุทธิพุ่งกว่า104%
ผู้จัดการรายวัน(10 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
บริษัทหลักทรัพย์ โชว์ผลงานไตรมาสแรกปี 49 นำร่องโดยบล.บัวหลวง กำไรสุทธิเพิ่มกว่า 104% เหตุรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 14.76 ล้านบาท และไม่มี ภาระต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเป็นโบรกเกอร์อีกแล้ว ตามด้วย "ภัทร" และ "ยูโอบี เคย์เฮียน" กำไรสุทธิ 85% และ 13% ตามลำดับ
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2549 ปรากฏว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 64.16 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.36 บาท หรือกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.37 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.21 บาท
นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 104.53% แม้รายได้ค่านายหน้าจะลดลง 1.66 ล้านบาท หรือลดลง 0.77% ตามปริมาณการซื้อขายของตลาดรวม ว่า บริษัทมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 92.08% เมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากบริษัทมีผลงานการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการเสนอขายหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ในปริมาณที่มากกว่าผลงานในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ กำไร/ขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 4.80 ล้านบาท โดยมาจากกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการตีราคาหลักทรัพย์
สำหรับดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่มขึ้น 6.38 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับที่มากขึ้นจากเงินฝากในสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการลงทุนในตราสารหนี้ รายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากยอดเงินของบริษัทที่มีมากขึ้น เนื่องมาจากการเพิ่มทุนเมื่อไตรมาส 1 ปี 2548 และกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท ประกอบกับบริษัทได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นใน ไตรมาสที่ 1 ปี 2549 รวมทั้งบริษัทได้รับเงินปันผลจำนวน 1.94 ล้านบาทจากการลงทุนในไตรมาสที่ 1 ปี 2549
ส่วนดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาท มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ด้านค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 10.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 30.16% สาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทไม่มีภาระต้องชำระค่าธรรมเนียมสมาชิกตลาดหลักทรัพย์นับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไป หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ (โอนกลับ) เนื่องจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2549บริษัทเก็บเงินที่ค้างชำระเกินกำหนดจากลูกค้าได้จำนวน 3.25 ล้านบาท
ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 1.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2548 โดยสาเหตุหลักมาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสถานที่และอุปกรณ์รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ เงินบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติสึนามิ ซึ่งเงินบริจาคดังกล่าวเกิดขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2548 อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 บริษัทมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของรายได้
ด้านบล.ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA แจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2549 โดยมีกำไรสุทธิ 181.09 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.85 บาทกำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97.86 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.61 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 83.23 ล้านบาท คิดเป็น 85.05%
ขณะที่บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิ 70.82 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาทกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 62.29 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.25 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8.53 ล้านบาท คิดเป็น 13.69%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|