|
“ไฮเออร์-TWZ”ทางใครทางมันเผยกลุ่มทีวีแอลซีดีอาจเผชิญตลาดซ้ำซ้อน
ผู้จัดการรายวัน(9 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ไฮเออร์ไทยชี้ชัดไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทีดับบลิวแซดที่ตั้งบริษัทขึ้นมาอีกแห่งทำตลาดไฮเออร์ในไทย ยันต่างฝ่ายต่างทำตลาด ยอมรับมีเพียงสินค้ากลุ่มโทรทัศน์แอลซีดีเท่านั้นที่อาจจะซ้ำซ้อนกัน เผยแต่ก็เป็นสิ่งดีที่กลุ่มทีดับบลิวแซดเข้ามาร่วมค้าช่วยเสริมช่องทางจำหน่ายได้อีกทาง โดยเฉพาะสินค้าประเภทไอที ด้านไฮเออร์เอง เตรียมบุกเครื่องใช้ไฟฟ้าเต็มพิกัด ส่งแอลซีดีลงสมรภูมิรบ คุยยอดขายในไทยสิ้นปีเติบโตกว่า 100% คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท
นาย หัว ซิน ไหล่ ผู้จัดการการทั่วไป ฝ่ายภาคพื้นเอเชีย บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ ไฮเออร์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ได้ร่วมกับพันธมิตร 3 ราย รวมถึงบริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย) ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา ภายใต้ชื่อ บริษัทไฮเออร์ บิซิเนส (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อไม่นานนี้นั้นจะเป็นการขายสินค้าประเภทไอทีเป็นส่วนใหญ่ และเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย)โดยตรง ดังนั้นการดำเนินธุรกิจของบริษัท ไฮเออร์ บิสิเนสฯ จึงมิได้เกี่ยวข้องกับทางบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่อย่างใด
“ทั้งนี้บริษัทไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดนั้น ยังคงเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก ร่วมทั้งสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เช่น การเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในงาน ประกาศผล MTV ASIA AWARD 2006 ที่จัดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น”
ด้านนายทวีศักดิ์ เกรียงไกรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ ไฮเออร์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า การทำงานระหว่างบริษัทฯกับทางไฮเออร์ บิซิเนสฯ นั้น ถือว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด อีกทั้งมองว่าจะไม่มีการซ้อนทับการดำเนินธุรกิจเกิดขึ้น ยกเว้นสินค้าประเภทโทรทัศน์จอแอลซีดีเท่านั้น ที่จะมีการจำหน่ายทั้งสองฝ่าย เนื่องจากทางบริษัทฯเองนั้น จะเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลักและโทรทัศน์จอแอลซีดีถือเป็นสินค้าในกลุ่มนี้ด้วย ส่วนทางไฮเออร์ บิซิเนสฯ เองนั้นจะดำเนินธุรกิจในกลุ่มสินค้าประเภทไอที และโทรทัศน์จอแอลซีดีบางรุ่น
“สำหรับโทรทัศน์จอแอลซีดีนั้น เป็นสินค้าที่สามารถจำหน่ายได้ทั้งช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและทางไอที ซึ่งแต่ละช่องทางนั้น จะมียอดจำหน่ายที่ดีได้ ต้องขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์เอง รวมถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละพื้นที่ว่ามีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างใด แต่ทั้งนี้ถือเป็นการดีทั้งคู่ ที่จะช่วยให้สินค้าโทรทัศน์จอแอลซีดีมียอดขายที่สูงขึ้น เนื่องจากปีนี้บริษัทฯจะนำเข้ามาจำหน่ายเป็นสินค้าหลัก เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์”
ทั้งนี้บริษัทฯจะมีการนำโทรทัศน์จอแอลซีดีเข้ามาจำหน่ายในไทยทั้งสิ้น 8 รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่ขนาด 15นิ้ว ไปจนถึงขนาดใหญ่สุดที่ 46 นิ้ว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท โดยราคาในการจำหน่ายครั้งนี้ถือเป็นราคาจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด โดยจะนำเข้ามาครบทุกขนาดได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน คาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้กว่าหนึ่งพันเครื่องในปีนี้ ผ่านช่องทางการจำหน่ายทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชั่นนัลที่มีกว่า 100 ร้านทั่วประเทศ เน้นจับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับซีขึ้นไป
ปัจจุบันสินค้าหลักที่สร้างยอดขายได้สูงสุด คือ กลุ่มเอชเอ 55 % และเอวี 45 % โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้นกว่า 100 % หรือกว่า 1,200 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมามียอดขายที่ 500 ล้านบาท รวมทั้งคาดว่าจะสามารถขยับส่วนแบ่งในตลาดไวต์กู้ดจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 2 % เพิ่มขึ้นเป็น 10 % ในภาคพื้นเซาส์อีสเอเชียได้ภายในระยะเวลา 5 ปี
**ดันไดสตาร์เป็นฐานการผลิตเซาส์อีสเอเชีย**
สำหรับฐานการผลิตในไทยนั้น บริษัทฯได้มอบให้บริษัท ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแล โดยทางบริษัทฯจะเป็นผู้นำเข้าสินค้าต่างๆในลักษณะเป็นชิ้นส่วน และทางไดสตาร์จะเป็นผู้ประกอบสินค้าให้ ในกลุ่มสินค้าหลัก อย่าง โทรทัศน์สี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า พร้อมกับการเพิ่มไลน์การผลิตในส่วนของ โทรทัศน์จอแอลซีดี อีกในปีนี้
“การที่มอบหมายให้ทางบริษัทไดสตาร์ฯ เป็นผู้ประกอบสินค้าให้นั้น เนื่องจากบริษัทฯได้เข้าไปร่วมถือหุ้นของบริษัท ไดสตาร์ฯ ตั้งแต่ปี 2545 โดยมีหุ้นอยู่กว่า 55 % และทางไดสตาร์มี 45 % ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ไดสตาร์ เป็นฐานการผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเซาส์อีสเอเชีย เช่น มาเลเซีย พม่า ลาว และ เขมร ส่วนการจะเปิดโรงงานการผลิตเองหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าจะเป็นในประเทศใดในแถบเซาส์อีสเอเชีย ในขณะที่ประเทศไทยเองถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีความน่าสนใจ และมีความสงบทางการเมือง แต่ทั้งนี้การจะเปิดโรงงานการผลิตใหม่หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับยอดขายเป็นหลัก” นาย หัว ซิน ไหล่ ผู้จัดการการทั่วไป บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป (เอเชีย) กล่าวในที่สุด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|