เจฟฟรีย์ โรว์ กับความพยายามครั้งสำคัญของวอลโว่


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

ขณะที่ตลาดซบเซา เช่นตลาดรถยนต์เมืองไทยในช่วงเวลานี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักตัดสินใจที่จะเฝ้าดูเพื่อรอโอกาสครั้งใหม่ ซึ่งก็นับว่าเป็นวิธีที่ไม่เลวร้ายอะไร แต่การเฝ้าดูเพื่อรอโอกาสครั้งใหม่ ซึ่งก็นับว่าเป็นวิธีที่ไม่เลวร้ายอะไร แต่การเฝ้าดูนั้นต้องมีแนวทางที่หวังกับอนาคตได้บ้าง

ในทางกลับกัน ขณะที่ตลาดซบเซา แต่ผู้ประกอบการกลับบุกอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็เท่ากับเดินสู่เส้นทาง ไม่นรกก็สวรรค์ วัดกันไป ซึ่งแนวคิดนี้เสี่ยงอยู่มาก แต่ก็สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับรายเล็ก ๆ มาไม่น้อย

สถานการณ์เช่นนี้อยากจะกล่าวว่า "สวีเดนมอเตอร์ส" เลือกหนทางปฏิบัติได้อย่างรัดกุมเหมาะสมที่สุด ไม่เงียบเป็นป่าช้า แต่ก็ไม่บุกอย่างบ้าระห่ำ

บริษัท สวีเดนมอเตอร์ส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์วอลโว่ในตลาดเมืองไทย ได้ปรับโครงสร้างการบริหารในองค์กรครั้งใหญ่ เมื่อ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยการจัดสายงานแบ่งแยกอย่างชัดเจนออกเป็น 6 สายและ 1 ฝ่าย กล่าวคือ สายงานปฏิบัติการสาขา, สายงานปฏิบัติการตัวแทนจำหน่าย, สายงานการขาย, สายงานการตลาด, สายงานบริการหลังการขาย, สายงานการเงินและธุรการ และฝ่ายสารสนเทศ

เป้าหมายหลักของการปรับครั้งนี้ก็เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 6 ประการ คือ การลดต้นทุน, เสริมสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้เกิดกับลูกค้า, พัฒนาสาขา และตัวแทนจำหน่าย, พัฒนาองค์กร, เสริมสร้างภาพพจน์ และสุดท้ายก็เพื่อการเพิ่มยอดจำหน่าย

"ใช่ เป็นการเปิดนโยบายเชิงรุกของเราในขณะที่ตลาดซบเซาอยู่ในช่วงเวลานี้ และหวังว่าอนาคตอันใกล้เราจะก้าวไวปข้างหน้าได้ดีกว่าคู่แข่ง" คำกล่าวของ เจฟฟรีย์ โรว์ ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการขาย และจากโครงสร้างใหม่นี้ เขาจะรับตำแหน่งรองประธานบริหาร ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจตัดสินใจแทนได้เทียบเท่าประธานฝ่ายบริหาร

เดิมนั้น ในระดับสูงสุดของการบริหารงาน สวีเดน มอเตอร์ส จะต้องรอการตัดสินใจของ ไซม่อน อี. โบไนเธิน ประธานกรรมการบริหาร หรือบางครั้งจะต้องรอการประชุมคณะกรรมการบริหารเลยทีเดียว ซึ่งหลายครั้งจะช้าเกินไป และอีกประการหนึ่งประธานกรรมการบริหารมีภารกิจมากต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งโครงสร้างใหม่จึงให้ไซม่อน ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายบริหาร (C.E.O.& President) แล้วดัน เจฟฟรีย์ โรว์ ขึ้นมาเป็นรองประธานเพื่อที่จะตัดสินใจแทนในเรื่องต่าง ๆ

นอกจากนี้ ในระดับปฏิบัติการแล้ว ผู้รับผิดชอบทั้ง 6 สาย และ 1 ฝ่าย จะมีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจด้วยตนเอง มากขึ้น ซึ่งจากโครงสร้างใหม่นี้ แสดงว่าสวีเดนมอเตอร์ส ได้ตัดสินใจแล้วที่จะกระจายอำนาจการบริหารงาน หลังจากที่บริหารงานในลักษณะครอบครัวและรวบอำนาจมาตลอด

"เดิมการตัดสินใจจะรวมศูนย์อยู่ที่คนเพียงคนเดียวหรือบางครั้งอาจถึงขั้นต้องผ่านบอร์ด แต่ต่อไปจะตัดสินใจกันเร็วขึ้น ขั้นตอนสั้นลง" ผู้บริหารกล่าว

ดูการขับเคลื่อนครั้งนี้แล้ว คงอีกไม่นานที่องค์การแห่งนี้จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในตลาดรถยนต์หรูหราของเมืองไทยได้สำเร็จ หลังจากปล่อยให้คู่แข่งสำคัญอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ เริงร่าอยู่เกือบ 5 ปีแล้ว

กัมพล กันจิตวัฒนา ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการสาขา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์หรูหรานั้น เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับบลิว และวอลโว่ จะถูกนึกถึงมากกว่ายี่ห้ออื่น และหลังจากเปิดเสรีเรื่อยมาจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในหลายลักษณะด้วยกัน

ด้านยอดขายและภาพพจน์นั้นชัดเจนว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมาเป็นอันดับหนึ่ง และพุ่งทยานในหลายปีนี้ หรืออย่างบีเอ็มดับบลิวนั้น แม้ภาพพจน์และยอดจำหน่ายจะยังไม่เท่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ และระยะหลังยอดจำหน่ายบีเอ็มดับบลิว โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีนี้ ค่อนข้างเงียบ แต่ก็ยังนับว่าพอจะไปได้ในตลาด จึงเป็นเรื่องที่สวีเดนมอเตอร์สต้องหาหนทางฟื้นตลาดวอลโว่ให้กลับมาอยู่เหนือ 12 คู่แข่งสำคัญนั้นให้ได้

"เรายังมั่นใจว่า การก้าวเดินของเราแม้จะช้า แต่ก็ถูกต้องและมั่นคงพอที่จะทำให้เรากลับมานำในตลาดได้ แม้จะใช้เวลาบ้างก็ตาม" ผู้บริหาร กล่าว

มองจากยอดจำหน่ายนับจากปี 2534 ซึ่งเป็นปีที่เปิดเสรีรถยนต์เมืองไทยเรื่อยมา พอจะมองเห็นได้ว่า เส้นทางเดินของ 3 ยี่ห้อนี้เป็นอย่างไร เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงรักษาระดับของตนเองไว้ได้ สำหรับบีเอ็มดับบลิวนั้นน่าเป็นห่วงไม่น้อยเพรายอดจำหน่ายวูงลงค่อนข้างมาก ส่วนวอลโว่นั้นพื้นฐานตลาดดูจะมั่นคงกว่าคู่แข่ง ซึ่งผู้บริหารของสวีเดนมอเตอร์ส ก็มั่นใจเช่นนั้น

สวีเดนมอเตอร์ส เลือกเส้นทางเดินของตนเอง ด้วยความพยายามที่จะวางรากฐานตลาดให้แข็งแกร่ง เห็นได้ชัดจากนโยบายอนุรักษ์นิยมในช่วงที่เปิดเสรีใหม่ ๆ เพราะทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับบลิวใช้ยุทธวิธีนำเข้ามาเปิดตลาด ซึ่งแน่นอนว่าทำได้เร็ว แต่ตลาดก็ขึ้นลงวูบวาบเหมือนกัน ส่วนสวีเดนมอเตอร์ส ได้ยืนยันการประอบในประเทศเป็นหลัก

"การรักษาตลาดที่แท้จริงให้ได้ แม้จะต้องยอมมียอดขายเพียงไม่กี่พันคันในแต่ละปี เราก็ต้องทำ ซึ่งขณะนี้แนวโน้มมันพิสูจน์แล้วว่า เส้นทางเดินของตลาด 4-5 ปีที่ผ่านมานั้นถูกต้อง เราสามารถวางแผนเพื่อขยายงานเป็นขั้นเป็นตอนได้ แม้ตลาดโดยรวมจะซบเซาแต่เราก็ยังขายสินค้าได้" ผู้บริหารกล่าว

เจฟฟรีย์ โรว์ กล่าวถึงทิทางของสวีเดนมอเตอร์สในการทำตลาดรถยนต์วอลโว่ในไทยว่า เรามุ่งหวังว่าอย่างน้อยภายในปี ค.ศ.2000 รถยนต์นั่งวอลโว่ จะกลับมาเป็นอันดับหนึ่ง ในด้านความพึงพอใจของลูกค้า แต่ด้านยอดขายเรากำลังพยายามอยู่ และจะกลับมาเป็นอันดับหนึ่งของตลดารถยนต์หรูหราของเมืองไทยได้อีกหรือไม่นั้นคงกล่าวว่า เป็นเรื่องยากลำบากพอสมควร แต่เราก็ยังมีความหวัง

อย่างไรก็ดี สวีเดนมอเตอร์ส ตั้งเป้าหมายว่าในปี ค.ศ.2000 ยอดจำหน่ายของวอลโว่ในไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,500 คันต่อปี โดยคาดว่าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์หรูหราของวอลโว่จะอยู่ที่ 25%

ภายใต้โครงสร้างที่ปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ เจฟฟรีย์ โรว์ กล่าวว่า จะทำให้สวีเดนมอเตอร์ส ก้าวหน้า และพัฒนาไปอีกมาก แผนงานที่พอจะเป็นรูปร่างชัดเจนในขณะนี้ก็คือ การพัฒนาสาขาที่มีอยู่ทั้งหมด 10 แห่งในเขตกรุงเทพมหานคร ให้บริหารงานในรูปแบบขององค์กรเอกเทศชัดเจน รับเพียงนโยบายหลัก ๆ จากบริษัทเท่านั้น

การปรับการบริหารสาขาเช่นนี้จะช่วยให้ต้นทุนการดำเนินการชัดเจนขึ้น มีการแบ่งแยกรายได้รายจ่าย ตั้งงบประมาณขึ้นมาแล้วดูแลกันเอง ขั้นตอนการดำเนินการก็จะกระชับขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้เห็นทั้งข้อดีข้อด้อยของแต่ละสาขา เพื่อที่จะปรับปรุงต่อไป ซึ่งขั้นตอนการแบ่งแยกรายได้รายจ่าย และให้อำนาจในการตัดสินใจในกิจกรรมต่าง ๆ นั้นจะสามารถเริ่มต้นได้ ภายในสิ้นปี พ.ศ.2540 นี้

เจฟฟรีย์ โรว์ กล่าวว่า วการจัดการให้งานบริหารสาขาออกมาในรูปลักษณ์คล้ายกับดีลเลอร์นั้น ขณะนี้เริ่มใช้กันมากขึ้นในญี่ปุ่น และได้ประเมินออกมาแล้วว่า ได้ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 20%

ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สวีเดนมอเตอร์ส กำลังพยายามปรับและอยู่ในแผนอันเกี่ยวเนื่องจากการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่นี้ และหลายสิ่งหลายอย่างนั้นจะเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นภายในสิ้นปี พ.ศ.2540 นี้

1 ปีกว่าจากนี้คงได้รู้ว่า มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่วอลโว่จะกลับมาเป็นรถยนต์หรูหราอันดับหนึ่งของตลาดเมืองไทย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.