|
เสี่ยเจียงต้องมนต์"เรน"ทาบเล่นหนัง ล้มแผนเข้าตลาดหุ้น-ร่วมทุนตปท.-ลุยซีจี
ผู้จัดการรายวัน(8 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
เสี่ยเจียงล้มแผนเข้าตลาดหุ้น เปิดแนวทางรุกครบวงจร เปิดกว้างร่วมทุนทั้งไทยและต่างชาติ ประเดิมผนึก 4 ชาติ ไทย ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน สร้างหนังใหญ่แนวทริลเลอร์ เสี่ยเจียงสนทาบทาม "เรน" รับบทตัวเอก ส่วนแนวทางร่วมทุนกับคนไทยประเดิมไปแล้ว 3 เรื่อง ขนหนังขายต่างชาติหวังฟัน 1,500 ล้านบาท พร้อมทุ่มอีก 100 ล้านขยายสตูดิโอแห่งใหม่ ซุ่มตั้งบริษัททำซีจี
นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ "เสี่ยเจียง" ประธานกลุ่มสหมงคลฟิล์ม เปิดเผยว่า บริษัทฯตัดสินใจยกเลิกการนำบริษัทสหมงคลฟิล์มเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าการเข้าตลาดหุ้นจะทำให้การบริหารงานและการตัดสินใจลำบากมากขึ้น เพราะต้องติดกฎเกณฑ์ต่างๆมากมาย อาจจะทำให้การบริหารงานไม่สะดวกและไม่รวดเร็วเท่าที่ควร อีกทั้งบริษัทฯเองก็มีเงินทุนพร้อมในการดำเนินงานอยู่แล้วด้วย
สำหรับนโยบายการดำเนินงานและกากขยายธุรกิจหลังจากนี้ จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในการสร้างหนังทั้งการลงทุนเอง และการร่วมทุนกับกลุ่มผู้ประกอบการอื่น ซึ่งจะมีทั้งการร่วมทุนกับกลุ่มผู้ประกอบการคนไทยด้วยกันเอง และการร่วมทุนกับผู้ผลิตหนังต่างประเทศในการทำตลาดอินเตอร์ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้แน่นอน
โดยงบประมาณในการลงทุนสร้างหนังปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 ล้านบาท แนวทางการร่วมลงทุนนั้นในปีนี้ได้เริ่มลงทุนร่วมกับคนไทยด้วยกันผลิตหนังออกมาแล้วอย่างน้อย 3 เรื่องคือ โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท เรื่องม.8ร่วมกับกลุ่มฟิล์มเอเชียเตรียมเข้าฉายเร็วๆนี้ เรื่องหนูหิ่นร่วมกับกลุ่มวิธิตาจะฉายวันที่ 1 มิถุนายน เป็นต้น
ทาบ "เรน" เล่นหนังร่วมทุนตปท.
ขณะที่การร่วมทุนกับต่างประเทศนั้น ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วโดยร่วมกับผู้สร้างอีก 3 ประเทศคือ ฮ่องกง เกาหลี และไต้หวัน สร้างเป็นหนังผีแนวทริลเลอร์ คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนสร้างประมาณ 100 ล้านบาท แบ่งการลงทุนเท่าๆกันฝ่ายละ 25 ล้านบาทโดยประมาณ
"เงื่อนไขของผมคือ จะต้องถ่ายทำในไทยเท่านั้นหรือเป็นสถานที่ถ่ายทำหลัก และใช้ดาราคนไทยเป็นหลัก แต่อาจจะมีดาราต่างประเทศร่วมด้วยแต่ก็ไม่มากนัก เพราะเราต้องการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ผมเป็นคนไทยก็ต้องการทำประโยชน์ให้กับประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ ใช้คนไทยเป็นผู้กำกับ แต่ทางเกาหลีเป็นผู้เขียนบท และอยู่ระหว่างการหาดารานำต่างประเทศ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมเองก็สนใจ เรน เหมือนกัน เพราะเขาก็ดัง และเป็นที่รู้จักของคนเอเชียอย่างมาก แต่ยังไม่มีบทสรุปอะไรทั้งนั้น" เสี่ยเจียงกล่าว
ส่วนแผนการสร้างหนังในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 18 เรื่อง ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 24 เรื่อง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปริมาณหนังเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากแผนการร่วมทุนกับผู้ผลิตที่น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นแล้วนั่นเอง
การสร้างหนังแต่ละเรื่องของทางกลุ่มสหมงคลฯนั้นจะมองไปถึงโอกาสในการที่จะขายตลาดต่างประเทศด้วย และมองต่อถึงภาคสองและสามด้วยถ้ามีความเป็นไปได้ เพราะจะได้เป็นการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดนี้เพิ่งเจรจากับทาง ปื๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล เพื่อจะสร้างหนังใหม่อีกเรื่องเป็นแนวผจญภัยเรื่องเกี่ยวกับสลัดตาเดียวกับเด็ก 10 คน
"ผมมั่นใจว่าธุรกิจหนังในเมืองไทยยังเติบโตได้อีกมาก เพราะว่าการสร้างหนังนั้น ยิ่งสร้างจะต้องสร้างให้ดีขึ้น ทุกคนต้องพยายามทำให้ดี พัฒนาไม่หยุด เพราะไม่อย่างนั้น ถ้าคุณสร้างออกมาไม่ดี คุณภาพไม่ได้ ชื่อเสียงคุณก็เริ่มเสียและล้มหายไปในที่สุด"
ขนหนังใหญ่ขายต่างชาติหวัง1,500 ล.
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อถึงแผนการนำหนังในเครือไปร่วมงานเทศกาลหนังเพื่อขายให้กับผู้ที่สนใจว่า ในปีนี้คาดว่าจะนำหนังประมาณ 10 กว่าเรื่องไปขายในต่างประเทศ ซึ่งช่วงปลายปีนี้จะมีงานเทศกาลอเมริกันฟิล์มด้วย โดยตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้อาจจะได้เงินมากกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ทำรายได้จากการขายหนังให้ต่างประเทศประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีจำนวนหนังที่น้อยกว่าปีนี้
สำหรับหนังที่จะนำไปขาย เช่น องก์บากภาค 2, มนุษย์เหล็กไหล, ชอคโกแลต, สวยซามูไร, งูยักษ์, พาวเวอร์คิดส์, ตะบันไฟ, คนเห็นผี ,นเรศวร, 13เกมสยอง, อำมหิตพิศวาส เป็นต้น
"เป้าหมายรายได้ของเรา ชัดเจนว่าต้องทำรายได้จากต่างประเทศในสัดส่วน 40-50% เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากรายได้ทางเดียวที่พึ่งในประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้เราโตช้าถ้าพึ่งในประเทศที่เดียว"
ร่วมทุนผุดคอมพิวเตอร์กราฟฟิก
นอกจาการขยายการสร้างหนังแล้ว บริษัทฯมีแผนที่จะทำธุรกิจครบวงจรมากยิ่งขึ้น ล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณ 100 กว่าล้านบาทเพื่อสร้างสตูดิโอแห่งใหม่ที่ถนนสุขาภิบาล 3 และเพิ่งเปิดใช้เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อใช้ในการถ่ายทำและเป็นสตูดิโอรับงานต่างๆด้วย และยังมีแผนที่จะขยายเพิ่มอีกหนึ่งสตูดิโอโดยเล็งทำเลบริเวณรังสิตไว้แล้ว อยู่ระหว่างการเตรียมการ
ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทต่างชาติซึ่งเป็นบริษัทที่ทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิกให้กับหนังเรื่อง นาร์เนีย ของฮอลลีวู้ด เพื่อร่วมทุนกัยตั้งบริษัททำคอมพิวเตอร์กราฟฟิกขึ้นมาในไทยและรับงานนอกเครือด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของแนวโน้มความนิยมในเรื่องคอมพิวเตอร์กราฟฟิกหรือซีจี คาดว่าต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯต้องจ้างคนอื่นทำบ้างเช่นที่ฮ่องกง หรือบริษัททริปเปิ้ล
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|