|
ปตท.ทุบปั๊มเล็กเจ๊งหมื่นราย
ผู้จัดการรายวัน(8 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ชี้น้ำมันในประเทศราคาแพงยาว แฉซ้ำ ปตท.ตัวการบิดเบือนตลาด ทำปั๊มเล็กกว่า 1 หมื่นปั๊มต้องปิดตัวลงภายใน 1 ปี ขณะที่ต่างชาติเตรียมถอนยวงลงทุน หลังถูกบีบค่าการตลาดเกินไป ผู้ค้าระบุคนไทยต้องใช้น้ำมันแพงต่ออีก 2 ปี เหตุต้องใช้เงินคืนกองทุนน้ำมัน “สมคิด” นัดถกวันนี้ แก้ปัญหาราคาสินค้า หลังเงินเฟ้อพุ่ง 6% รัฐบาลเสียงแข็ง ไม่ได้ฮั้ว ปตท.ขึ้นราคาน้ำมัน แถมการันตี ปตท.ทำหน้าที่ตามกลไกอย่างที่ดีสุดแล้ว นัดถกสถานการณ์น้ำมันอีกครั้งอังคารนี้
นายเทียนชัย จงพีร์เพียร นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันไตรมาส 3-4 ซึ่งปกติเป็นช่วงวัฎจักรขาขึ้น โดยเฉพาะดีเซลนั้นคาดว่าจะมีโอกาสแพงกว่าปกติ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2 หรือกลางปีนี้ ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงทั้งที่ควรจะต่ำตามวัฎจักร ประกอบกับยังต้องติดตามมติของสหประชาชาติ (UN) ที่จะมีต่ออิหร่านในวันที่ 9 พ.ค.ว่าจะออกมาอย่างไร เพราะอิหร่านถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 2 ของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก (เอเปค) ผลิตน้ำมันถึง 3.9 ล้านบาร์เรล/วัน หากน้ำมันจากอิหร่านหายไป 1 ล้านบาร์เรล/วันคงทำให้น้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปรับเหนือระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
“ต้องเข้าใจว่าขณะนี้การผลิตน้ำมันกับความต้องการของโลกค่อนข้างตึงตัว เมื่อกองทุนหรือเฮดจ์ฟันด์ออกมาเก็งกำไรด้วยก็ยิ่งทำให้ราคาขึ้นไปสูงมาก ดังนั้นทิศทางราคาน้ำมันแพงจะยังคงยาวไปถึงปี 2550 แน่นอน” นายเทียนไชยกล่าว
***อีก1ปีปั๊มเล็กอาจเจ๊งหมด
นายเทียนไชยกล่าวว่า การที่รัฐบาลใช้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นกลไกในการชะลอปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศ ไม่ให้สะท้อนราคาตลาดโลกนั้น ทำให้ช่วงนี้ปตท.จะขายน้ำมันถูกกว่ารายอื่นๆ 40 สต./ลิตร บางครั้งถึง 90 สต./ลิตร ซึ่งในระยะสั้นวิธีการดังกล่าวเป็นผลดีต่อประชาชนที่ได้ใช้น้ำมันราคาถูกกว่าตลาดโลก แต่ในระยะยาวจะส่งผลให้ระบบการค้าน้ำมันไม่เกิดการแข่งขันที่ดี เพราะผู้ค้าอิสระรายเล็กๆ ที่สายป่านทางธุรกิจสั้น และไม่มีโรงกลั่นเป็นของตัวเองที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 10,000 ปั๊มอาจต้องทยอยปิดตัวเองลง ซึ่งคาดว่าหากเป็นเช่นนี้อีกแค่ 1 ปีจะเหลือแค่ผู้ค้ารายใหญ่ อาทิ ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการผูกขาดทาง
นอกจากนี้ ระยะยาวยังกระทบต่อการเข้ามาลงทุนของบริษัทข้ามชาติในไทย ซึ่งก่อนหน้าได้มีการถอนการลงทุนกิจการน้ำมันไปบ้างแล้ว โดยเชลล์ขายโรงกลั่น ส่วนบีพี และคิวเอท ถอนการลงทุนจากไทย และหากค่าการตลาดน้ำมันในประเทศต่ำจนเกินไป ระยะยาวจะส่งผลกระทบให้บริษัทน้ำมันที่มีโรงกลั่นเป็นของตัวเองหันไปส่งออกน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจะทำอาจเกิดขาดแคลนได้
***หมดสิทธิ์เห็นราคาน้ำมันลด
รายงานข่าวจากผู้ค้าน้ำมันระบุว่า ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ไปหากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง แต่ราคาขายปลีกในประเทศจะยังทรงตัวในระดับสูงต่อไป เพราะไทยยังต้องใช้หนี้น้ำมันกว่า 65,000 ล้านบาทให้หมด โดยต้องติดตามว่ารัฐบาลจะใช้กองทุนนำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยพยุงราคาขายปลีกในประเทศอีกหรือไม่ หลังจากประกาศลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันในส่วนดีเซล 1 บาท/ลิตรไปเมื่อ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา
***“สมคิด”ถกรับมือสินค้าพุ่งวันนี้
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (8 พ.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลราคาสินค้ามาประชุมเพื่อหามาตรการบรรเทาความเดือนร้อนจากราคาสินค้าให้กับประชาชน หลังจากที่เงินเฟ้อเดือนเม.ย.ยับขึ้นมาอยู่ระดับ 6% เพราะผลกระทบจากราคาน้ำมัน ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น คาดว่า จะมีการดำเนินโครงการธงฟ้าราคาประหยัด และอิ่มทั่วฟ้าราคาเดียว ให้มากขึ้นทั่วประเทศ
โดยโครงการธงฟ้านั้น จะมีการติดต่อผู้ผลิตขนาดกลางและเล็ก หรือผู้ประกอบการที่มีสินค้าคุณภาพ เพื่อมาจัดจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูกกว่าท้องตลาด 10-30% โดยจะดำเนินการทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน จะเร่งรัดเพิ่มจำนวนรถเข็นในโครงการอิ่มทั่วฟ้าจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปพร้อมข้าวเมนูละ 10 บาท ไปตามต่างจังหวัดตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้ให้มากขึ้น
ส่วนมาตรการดูแลภาวะราคาสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมัน และการป้องกันการฉวยโอกาสนั้น ได้มีการเพิ่มบัญชีสินค้าติดตามดูแลจาก 150 เป็น 170 รายการ โดย 20 รายการที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ หมวดอาหารสด 4 รายการ คือ ผักกาดขาวปลี กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง หอยแครง หอยแมลงภู่ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม 3 รายการ คือ น้ำผลไม้พร้อมดื่มบรรจุภาชนะผนึก ผลไม้บรรจุภาชนะผนึก ผักบรรจุภาชนะผนึก หมวดของใช้ประจำวัน 1 รายการ คือ ใบมีดโกน หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2 รายการ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องเล่นวิทยุ-เทป-คอมแพ็กดิสก์ หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง 1 รายการ คือ ไส้กรองอากาศ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี 1 รายการ คือ ก๊าซเอ็นจีวี หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ 5 รายการ คือ ยาแก้ไข้หวัด ยาบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ ยาใส่แผลสด พลาสเตอร์ยา สำลี และหมวดทั่วไป 3 รายการ คือ กระเป๋านักเรียน ถุงเท้านักเรียน และเครื่องกรองน้ำ
ทั้งนี้ หากสินค้าในกลุ่มติดตามดูแลทั้ง 170 รายการนี้ มีการเคลื่อนไหวของราคาผิดปกติ หรือมีการกักตุน จะมีการพิจารณานำเข้ามาเป็นสินค้าควบคุม เพื่อให้มีมาตรการทางกฎหมายเข้าไปบริหารจัดการ
**รัฐบาลเสียงแข็งไม่ได้ฮั้วปตท.ขึ้นราคา
พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ฮั้วกับ ปตท.ในการขึ้นราคาน้ำมัน แม้ว่าบมจ.ปตท.ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจในการกำกับดูแลของรัฐ แต่รัฐยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งการดำเนินการในเรื่องราคาน้ำมัน ทาง ปตท. จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการทำตามกลไกตลาด
ทั้งนี้ การออกมาระบุถึงกรณีดังกล่าว เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตระหว่างรัฐบาลและบริษัท ปตท. ว่าอาจจะมีการฮั้วกัน โดยไม่มุ่งที่จะช่วยเหลือประชาชนก่อน เนื่องจากรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ปตท. แต่ไม่สามารถควบคุมในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ได้
พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 พ.ค.นี้ จะพูดคุยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมัน และเรื่องการใช้จ่ายเงินของภาครัฐ ที่ส่งผลกระทบต่อส่วนราชการ พร้อมทั้งหามาตรการลดส่วนที่ไม่จำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในภาครัฐ เช่น การดูงานต่างประเทศ หรือหากมีการประชุมจะทำเป็นระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อประหยัดพลังงาน และให้เกิดสมดุลในการใช้จ่าย ทั้งนี้ ขอยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามดูผลกระทบในหลายเรื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเร่งสร้างรายได้ โดยจะพยายามทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้ได้
ส่วนกรณีที่นักวิชาการออกมาระบุว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อาจโตน้อยกว่าประเทศเวียดนาม นั้น พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวยอมรับว่า เรื่องบ้านเมืองไม่นิ่งมีส่วนสำคัญ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องการเมืองมีผลโดยตรงกับเศรษฐกิจ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|