|

แนวคิดทำเงิน
โดย
วิสุทธิ์ ตันติตยาพงษ์
ผู้จัดการรายสัปดาห์(8 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
การตลาดเป็นเรื่องของ "สองคนยลตามช่อง" จริงๆ ใครเห็นดาวก่อนก็ทำเงินได้ก่อน ทำนองขายรองเท้าแตะให้กับชาวเกาะที่ไม่ใส่รองเท้า แนวคิดทำเงิน หรือจะเรียกว่าแนวคิดที่จะจุดประกายในการเริ่มต้นธุรกิจ และหรือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ทำเงินเพิ่มขึ้น
นี่ล่ะครับเป็นแนวคิดที่ผู้คนแทบจะทุกคนที่ทำธุรกิจมองหา บางคนก็มุ่งทำสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ดีขึ้น บางคนก็มุ่งหาสิ่งท้าทายใหม่ๆ บางคนก็ทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน นั่นก็สุดแล้วแต่ คงมีเพียงสิ่งเดียวที่คุณต้องไม่ทำ นั่นก็คือการหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่พัฒนาตนและพัฒนาตลาดที่คุณๆใช้ทำมาหากิน ครับวันนี้ผมจะคุยกับคุณๆ ถึงแนวคิดที่จะทำเงินสักสองสามแนวคิดให้คุณได้คิดต่อ แต่ก่อนอื่นจะคุยถึงวิธีการสร้างความคิดที่จะทำเงินซะก่อน
หลักคิดแรกของแนวคิดทำเงินก็คือ ต้องเข้าใจแนวคิด "การตลาดเป็นเรื่องของความต้องการ และพยายามสร้างความพึงพอใจเพื่อตอบสนองความต้องการนั้นๆ" (Lateral Marketing : Phillip Kotler) ดังนั้นที่ไหนมีความต้องการ ที่นั่นมีเงินให้ทำ แต่ต้องใช้ความรู้ในการมองให้ชัดว่าเปลี่ยนแปลงเร็วเพียงใด และอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับความต้องการ ซึ่งความรู้เหล่านี้ก็มาจากการสังเกตปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในตลาดอย่างต่อเนื่องและนำมาปรับใช้
ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการทางด้านสุขภาพที่ดีมีมากขึ้น ถ้าเราผลิตน้ำผลไม้ เราก็อาจดัดแปลงหรือผลิตสินค้าน้ำผลไม้ของเราให้ตอบสนองความต้องการนั้นให้ถูกต้อง มีความเร็วและมีประสิทธิภาพ หรืออย่างใน "การตลาดนอกกรอบ" แค่คุณเปลี่ยนการออกแบบ (Re-Packaging) ผลต่อตลาดก็ยังสามารถขยายกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงสนองความต้องการใช้ชีวิตของผู้บริโภครายใหม่ๆได้
หลักคิดที่สองคือ "ต้องสร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัด" ในทุกองค์ประกอบของส่วนผสมการตลาด ความแตกต่างที่ว่าไม่ได้หมายถึงความแปลกประหลาด แต่หมายถึงนวัตกรรมทั้งทางด้านความคิดและรูปธรรม ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของหลักคิดแรก
ยกตัวอย่างเช่น ตอนระยะเริ่มแรกของเกมออนไลน์ ตลาดมีแต่เกมออนไลน์ที่เก็บเงินผู้เข้ามาเล่น แต่ต่อมามีเกมออนไลน์ประเภทเล่นฟรี แต่เสียตังค์ซื้อชุด (Items) ถ้าอยากเล่นเก่ง นี่เป็นนวัตกรรมทางความคิด เหมือนกับกระแสเล่าข่าว ที่ทำให้ความน่าเบื่อของข่าวดูน่าสนใจขึ้น และสอดคล้องกับตัวข่าวที่มีผู้ให้ความสนใจมากขึ้น เป็นต้น อย่างไรก็ตามการสร้างความแตกต่างนี้มีส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความฉลาด รสนิยม ความเชี่ยวชาญ ซึ่งไม่สามารถเจาะจงได้แน่ชัดว่าเป็นพรสวรรค์หรือพรแสวง แต่ผมชอบเรียกว่าเป็นวาสนาของแต่ละผู้คน ซึ่งให้เหตุผลไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมว่าความรักและจรดคิดในสิ่งที่ทำ (Passion) เป็นเคมีสำคัญ
หลักคิดที่สามในการทำเงินก็คือ "ต้องสื่อสารให้มีเสน่ห์และน่าจดจำ" ไม่ว่าคุณจะคิดสินค้าหรือบริการได้แตกต่างและตอบสนองได้ดีเพียงใด แต่ถ้าคุณไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นได้ในกลุ่มเป้าหมายก็เปล่าประโยชน์ ครับนั่นคือหลักคิดพื้นฐานในการทำเงินทางการตลาด ต่อไปผมขอยกตัวอย่างแนวคิดทำเงิน 3 กรณี เพื่อจุดประกายให้คุณๆลองคิดต่อ พูดง่ายๆว่าฝึกความคิดทำเงินจากตัวอย่างซึ่งผมรวบรวมมาจากหนังสือหลายๆเล่ม รวมไปถึงคิดจากแนวโน้มสังคมไทยในปัจจุบันดังนี้ครับ
กรณีที่ 1 7-11 ในญี่ปุ่น (การตลาดนอกกรอบ หน้า 75) "เดี๋ยวนี้ทั่วโลกมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเต็มไปหมด ภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นจะจำหน่ายทั้งสินค้าในกลุ่มอาหาร สินค้าทั่วๆไป ตลอดจนเครื่องดื่มต่างๆ โดยจะเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด เฉพาะในญี่ปุ่นประเทศเดียว มีเครือข่ายร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมากมายถึง 7,000 สาขา ช่วงปลายทศวรรษ 1990 ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในญี่ปุ่นมองเห็นถึงการเจริญเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ช และเล็งเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวอาจกลายมาเป็นคู่แข่งกับธุรกิจของตัวเองได้ในอนาคต
แต่ในที่สุดฝ่ายบริหารของเซเว่นอีเลฟเว่นก็มีความคิดสุดแสนวิเศษ แทนที่จะต่อกรกับอี-คอมเมิร์ช พวกเขากลับร่วมไม้ร่วมมือกับธุรกิจอี-คอมเมิร์ชเสียเลย พวกเขาทำสาขาของเซเว่นอีเลฟเว่น ให้เป็นจุดรับส่งสินค้าและจุดชำระเงินค่าสินค้าที่สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าเราจะสั่งสินค้าออนไลน์ที่ไหน เราก็สามารถไปรับสินค้าและชำระเงินได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น วิธีการดังกล่าวทำให้เซเว่นอีเลฟเว่นได้ประโยชน์มากมาย จากสาขาของตนที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่น ที่สำคัญลูกค้าเหล่านี้สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตในราคาที่ย่อมเยากว่า แถมยังไม่ต้องเสียค่าจัดส่งสินค้า นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถไปรับสินค้าที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย"
กรณีที่ 2 World Cup Cyber Caf? อันนี้เห็นข่าวจากโทรทัศน์ครับว่าที่ญี่ปุ่นเปิดเพื่อต้อนรับเทศกาล เมืองไทยเองน่าจะทำได้เหมือนกัน แต่ต้องไม่ใช่จอใหญ่หรือจัดเป็นกิจกรรมนะครับ (แบบนั้นต้องขอลิขสิทธิ์จากทศภาค) ถ้าเป็นแบบจอเล็กจอคอมพ์ผมว่าน่าจะทำได้ เรียกว่าทำเงิน 4 ปีครั้ง ใครก็ฮิตกระแสบอลโลกมากขึ้นเรื่อยๆครับ กรณีสุดท้ายคือ อาหารประเภทโซเดียมต่ำไขมันต่ำ โดยเฉพาะสแน็คและเครื่องปรุงรส รวมไปถึงอาหารเสริมเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย ซึ่งก็ต้องหมุนตามกระแสให้ทัน และมีหลักฐานที่ทำให้ผู้บริโภคเชื่อได้ในสรรพคุณ ซึ่งผมยังไม่เห็นร้าน (Shop) ที่ขายพวกนี้โดยตรงเท่าใดนัก ที่เห็นคือพ่วงไปกับร้านยา น่าคิดทำนะครับ
แนวคิดการทำเงินและกรณีศึกษาที่ผมยกมาประกอบนั้น เชื่อว่าทุกท่านคงได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย แต่สิ่งที่ผมหวังก็คือว่า จะกระตุ้นให้ทุกท่านลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ๆให้วงการในที่สุดครับ
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|