|
“ปูนใหญ่”ขอเป็นผู้นำอาเซียนประกาศพร้อมรบธุรกิจข้ามชาติ
ผู้จัดการรายสัปดาห์(8 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ปูนใหญ่ประกาศขอเป็นผู้นำอาเซียน รับมือการแข่งขันไร้พรมแดน ชูนวัตกรรมใหม่ การวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต การบริหารจัดการ หัวใจหลักสู้นักธุรกิจข้ามชาติ เตรียมขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศกว่า 10,000 ล้านบาท เผยยอดขายไตรมาสแรกโต 12% แต่กำไรลด 5%
การแข่งขันในปัจจุบันไม่ได้อยู่แค่ที่การแข่งขันในประเทศ หรือผู้ผลิตจากในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีคู่แข่งจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศด้วย โดยเฉพาะในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้การแข่งขันไม่ได้มีวงจำกัดอยู่แค่ในประเทศ หรือผู้ผลิตในประเทศเท่านั้น แต่การแข่งขันต้องแข่งกับผู้ผลิตจากต่างประเทศ ทั้งที่มาลงทุนในไทย และการขยายฐานเข้ามาทำตลาดในประเทศด้วย
สำหรับผู้ผลิตในประเทศอย่างเครือปูนซิเมนต์ มีการปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนไว้เรียบร้อยแล้วในช่วงหลายปีก่อน เพราะมองว่านับวันการแข่งขันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภายในและนอกประเทศ
กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าเป้าหมายของเครือปูนฯไม่ได้อยู่แค่การสร้างยอดขายและผลกำไรเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งด้วย โดยเฉพาะในอาเซียน ที่บริษัทมีความมั่นใจเต็มที่ว่าจะสามารถสู้กับคู่แข่งได้ และจะก้าวเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ได้อย่างไม่ยากนัก
“หัวใจสำคัญในการเป็นผู้นำ คือการให้ความสำคัญกับนวัตกรรมใหม่ วิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต การจัดส่ง สินค้า และการบริหารจัดการมากขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพสร้างคุณค่าสินค้า ลดต้นทุน และให้บริการแก่ลูกค้าให้มากขึ้น รวมถึงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามราคา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้ผลิตทุกราย”
ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนในเรื่องนวัตกรรมใหม่มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับการแข่งขันในอนาคต ทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ที่มีนวัตกรรม การลดต้นทุน การลดความสูญเสียในการผลิตและจัดส่ง การพัฒนาระบบขนส่ง หรือโลจิกติกส์ที่มีความสำคัญมาก และเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะสู้กับคู่แข่งได้เต็มที่
สำหรับแผนการลงทุน บริษัทมีแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยอาจจะขยายการลงทุนไปยังอาเซียน ซึ่งในประเทศได้ลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท จากที่ปีนี้ได้ลงทุนไปแล้ว 5,000 - 6,000 ล้านบาท แม้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในประเทศจะลดลงก็ตาม เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศที่จะเติบโตในอนาคต
“แนวโน้มของทั้งปี เชื่อว่าน่าจะยังเติบโตได้ ตราบใดที่ตัวเลขจีดีพียังอยู่ที่ระดับ 4-5% แม้ว่าตัวเลขไตรมาสแรกปีนี้ตัวเลขติดลบ 2-3 % ก็ตาม ขณะที่ปกติแล้วตัวเลขไตรมาสแรกเครือปูนฯจะเพิ่มขึ้น ผลจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่รุมเร้าและปูนซิเมนต์ยอดขายลดลง และเดือนเมษายนนี้ก็ยังเรื่อย ๆ อยู่ และโดยรวมตัวเลขกำไรตัวเลขจากการดำเนินงานปกติน่าจะไม่ต่างจากปีก่อน ” กานต์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มราคาปูนซีเมนต์ในประเทศ บริษัทจะพยายามตรึงราคาให้นานที่สุด แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นถึง 50% หรือคิดเป็น 10-20% ของราคาขายก็ตาม และคาดว่าปีนี้จะไม่มีการปรับราคา หรือปรับเพิ่มเล็กน้อย ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายปูนซีเมนต์ของไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียนโดยอยู่ในระดับประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ซึ่งมีถ่านหินเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตเองในประเทศ ยังมีราคาจำหน่ายปูนซีเมนต์สูงถึงประมาณ 55 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า ราคาปูนซีเมนต์ในประเทศจะขึ้นกับกลไกการแข่งขันในประเทศเป็นหลัก ซึ่งผู้ผลิต 7 รายมีกำลังการผลิตเหลือ ดังนั้นราคาปูนอาจจะปรับขึ้นบ้างหรือไม่ปรับเลยก็เป็นไปได้ แม้ต้นทุนพลังงานที่ใช้ในการผลิตปูนซีเมนต์จะเพิ่มขึ้นไปแล้วถึง 50% หรือคิดเป็นผลกระทบต่อราคา 10 – 20% แล้วก็ตาม ซึ่งได้แจ้งให้กับกระทรวงพาณิชย์ทราบมาโดยตลอด แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ปรับเพิ่มราคาขายปลีก
โดยปีนี้บริษัทจะส่งออกปูนซิเมนต์เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่ส่งออกประมาณ 6 ล้านตัน เป็น 7.5 ล้านตันในปีนี้ โดยไตรมาสแรกได้ส่งออกปูนซิเมนต์กว่า 1 ล้านตัน ซึ่งาความต้องการของตลาดต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณการความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศก็ยังคงอยู่ในระดับ 10.1 ล้านตัน เพิ่มเล็กน้อยจากปีที่แล้วหรือประมาณ 18 ล้านตัน
ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2549 มียอดขายรวม 64,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และมีกำไรสุทธิ 9,546 ล้านบาท ลดลงราว 5% หากเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น และการนำผลประกอบการของบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) มาจัดทำงบการเงินรวม
โดยปีนี้ SCC จะส่งออกปูนซิเมนต์เพิ่มขึ้นจากปี 48 ที่ตัวเลขส่งออกประมาณ 6 ล้านตัน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 7.5 ล้านตัน โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทได้ส่งออกปูนไปแล้วกว่า 1 ล้านตัน ซึ่งพบว่าความต้องการของตลาดต่างประเทศยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณการความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศก็ยังคงอยู่ในระดับ 10.1 ล้านตัน เพิ่มเล็กน้อยจากปีที่แล้วหรือประมาณ 18 ล้านตันที่ บริษัทจะผลิตปูนซิเมนต์ แต่ก็ต้องดูปัจจัยหลายอย่างที่เอื้อต่อการส่งออกด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|