|
"เอ็กซิม แบงก์"อ่วมหนี้เน่าพุ่งกันสำรองเพิ่ม-ทำกำไร Q1 วูบ
ผู้จัดการรายวัน(4 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
EXIM BANK แผ่วกำไรไตรมาสแรกลด 50 ล้าน จาก153 ล้าน เหลือ 103 ล้าน ผลกันสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นหลังพบยอด NPLพุ่งในช่วงปลายปี 48 พร้อมยันไม่เกี่ยวกับสินเชื่อตามนโยบายรัฐ และเตรียมออกพันธบัตรสกุลเงินบาท อายุ 5 ปี 3,200 ล้าน ระดมทุนไปปล่อยกู้ให้แก่โครงการในประเทศเพื่อนบ้าน ตามแผนพัฒนาตราสารหนี้แห่งเอเชีย
นายสถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2549 EXIM BANK ว่า มีกำไรสุทธิจำนวน 103 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 153 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 49 ล้านบาท และกำไรก่อนสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้น 49 ล้านบาทด้วยเช่นกัน โดยในไตรมาส 1 ของปี 2549 EXIM BANK ยังคงมีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้รวม 286 ล้านบาท เทียบกับ 187 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 มีจำนวน 69,986 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 70,499 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 ยอดเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 มีจำนวน 60,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 60,327 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 โดยสินเชื่อในประเทศที่เป็นสกุลเงินบาทยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าพอใจ แต่สินเชื่อที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าลดลง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงจาก 41.07 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อสิ้นปี 2548 เป็น 38.84 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อสิ้นไตรมาส 1 ปี 2549 ในขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เท่ากับ 6,785 ล้านบาทหรือร้อยละ 11.2 ของยอดเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 6,420 ล้านบาทหรือร้อยละ 10.6 ณ สิ้นปี 2548 สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 เท่ากับร้อยละ 15.5
กรรมการผู้จัดการได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สำรองหนี้สูญจำนวนที่ค่อนข้างสูงดังกล่าวเป็นผลมาจาก NPLs เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2548 และต่อเนื่องในไตรมาสนี้ แต่เชื่อมั่นว่าภาระสำรองหนี้สูญในไตรมาส 2 ควรจะดีขึ้น สำหรับสินเชื่อตามนโยบายที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลตามมาตรา 23 ไม่มีรายการใดที่จัดเป็นหนี้มีปัญหา
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ของปี 2549 EXIM BANK ได้ดำเนินการเพื่อผลักดันแผนการสนับสนุนการส่งออกและการลงทุนไทยในต่างประเทศซึ่งมีความคืบหน้าหลายโครงการ อาทิ การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมกุ้งแช่เย็นแช่แข็งของไทย โดย EXIM BANK ออกหนังสือค้ำประกัน (Standby L/C) ให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อใช้ในการวาง Continuous Bond ให้กับกรมศุลกากรของสหรัฐอเมริกาสำหรับค่าภาษีนำเข้ากุ้งแช่เย็นแช่แข็งของสหรัฐอเมริกา และเพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนน้ำมันในอนาคต EXIM BANK ได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่โครงการผลิตเอทานอลจำนวน 2 ราย รวมเป็นวงเงิน 2,184 ล้านบาท
นายสถาพรกล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานผลักดันให้เกิดตราสารหนี้แห่งเอเชีย (Asian Bond) ว่า EXIM BANK จะดำเนินการเกี่ยวกับการออกพันธบัตรใน 2 รูปแบบควบคู่กัน รูปแบบแรกเป็นพันธบัตรสกุลเงินบาทอายุ 5 ปีซึ่งออกในนามของธนาคารเองในวงเงิน 3,200 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปปล่อยกู้ให้แก่โครงการในประเทศเพื่อนบ้าน โดยพันธบัตรดังกล่าวได้ขายหมดแล้วที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.95 โดยออกพันธบัตรในวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ส่วนรูปแบบที่สองอยู่ในระหว่างดำเนินการ โดย EXIM BANK ช่วยสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้ออกพันธบัตรเอง ซึ่งโครงการแรกเป็นการสนับสนุนให้การไฟฟ้าลาวออกพันธบัตรสกุลเงินบาทเพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการไฟฟ้าของลาวในวงเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท และพันธบัตรดังกล่าวจะจำหน่ายให้แก่นักลงทุนประเภทสถาบันในไทย โดยมี EXIM BANK เป็นผู้ค้ำประกัน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|