|
ไดนาสตี้ฯ"ไม่หวั่นกระเบื้องจีนตีตลาดสร้างเครือข่ายทั่วปท.รับกำลังกาผลิต
ผู้จัดการรายวัน(3 พฤษภาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"ไดนาสตี้เซรามิค" ไม่หนักใจกระเบื้องจีนเข้าตีตลาดไทย ชี้โปรดักส์และขนาดกระเบื้องต่างกัน ช่องทางจำหน่ายแตกต่าง ลั่นทั้งปีปั๊มรายได้โต 20% จาก 4,300 ล้านบาทในปี 48 หลังเพิ่มกำลังผลิต ขยายตลาดนัดค้าปลีก และเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ย้ำชัดปีนี้ยังครองแชมป์ผู้นำตลาดกระเบื้องในประเทศหวังส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น34 - 35% จากเดิมที่ 29 -30%
นายชนะ สุทธิหวังเจริญ กรรมการ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC เปิดเผยถึงการเข้ามาของสินค้ากระเบื้องจากจีนว่า ปริมาณที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศแม้จะเพิ่มขึ้น แต่ด้วยลักษณะของสินค้าของบริษัทฯกับกระเบื้องที่มาจากจีนมีความแตกต่างกัน โดยผลิตภัณฑ์กระเบื้องของบริษัทมีชิ้นเล็กกว่า เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางและล่าง ส่วนจีนเป็นกระเบื้องชิ้นใหญ่ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายบริษัท
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2549 นั้น กรรมการกล่าวว่า รายได้รวมเติบโตได้ 20 % จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,300.97 ล้านบาท เนื่องจากทางบริษัทฯมีการเพิ่มกำลังการผลิตกระเบื้อง รวมถึงมีการขยายตลาดนัดค้าปลีก และตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย
โดยในต้นปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 แสนตร.ม.ต่อเดือน ทำให้บริษัทฯมีกำลังการผลิตเป็น 1.3 แสนตร.ม.ต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านตร.ม.ต่อเดือน ในด้านการขยายช่องทางขาย บริษัทได้เพิ่มตลาดนัดค้าปลีกเพิ่มเป็น 200 แห่งในสิ้นปีนี้ โดยเตรียมขยายเพิ่มอีก 20 - 30 แห่ง จาก170 แห่งในปัจจุบัน คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 4 - 5 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งสะท้อนให้งบลงทุนรวมปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอีก 20 - 25% จากปีก่อนที่มีตัวแทนจำหน่ายไม่ถึง 100 รายทั่วประเทศ
" คาดว่าไตรมาส 2 รายได้มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากทางบริษัทฯน่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงต้นปี รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้กระเบื้องเป็นวัสดุตกแต่งที่ขยายตัวสูง"
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 97% และรายได้ต่างประเทศ 2 - 3% โดยในปีนี้เน้นสัดส่วนรายได้ในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากราคาจำหน่ายกระเบื้องในประเทศดีกว่า จึงมีแผนเปิดสาขาในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันให้สัดส่วนรายได้ขยับขึ้นเป็น 75% จากปีก่อนที่ 70% ขณะที่สัดส่วนรายได้กรุงเทพฯและปริมณฑลลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 25% จากเดิมที่ 30%
ก่อนหน้านี้ ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรก บริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 174 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 91 ล้านบาทหรือ34% เนื่องจากยอดขายสินค้าลดลงจากปีก่อน 46 ล้านบาทหรือ 4 % จากปริมาณขายที่ลดลงจากงวดเดียวกันกับปีก่อน และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 70 ล้านบาท หรือ 58 % รวมทั้งมีค่าความนิยมตัดบัญชีเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท
นายชนะ กล่าวว่าในปี 48 ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) ของกระเบื้องเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 29 - 30% และตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดกระเบื้องต่อเนื่อง โดยต้องผลักดันส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 34 - 35% ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมตลาดกระเบื้องน่าจะขยายตัวจากปีก่อน 10% เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในส่วนกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพื่อใช้ในการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|