จิมมี่ ไหล ราชาสื่อชื่อกระฉ่อนของเกาะฮ่องกง นอกจากจะเป็นนักธุรกิจความคิดเฉียบแหลมหาตัวจับยากแล้ว
ยังเป็นนักวิจารณ์การเมืองจีนตัวยงด้วย มาในวันนี้ เขาได้พลิกโฉมหน้าของตัวเองมาเป็นนายทุนไฮเทคเช่นเดียวกับนายทุนนักธุรกิจแห่งซิลิคอน
วัลเล่ย์ ของสหรัฐฯ โดยควักเงินในกระเป๋า 100 ล้านดอลลาร์ เสี่ยงลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีในสหรัฐฯ
ก่อตั้งบริษัท "เทคโนโลยีรีพับลิค อินเวสเมนท์อิงค์." ในซานฟรานซิสโกหลังจากที่ค้นพบว่า
มันเป็นสิ่งที่ท้าทายภูมิปัญญาของตัวเขาเองเป็นอย่างมาก
"ใช่ มันเป็นธุรกิจที่เสี่ยง และมีการแข่งขันกันสูงมาก" ไหลกล่าวยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
ไหลเป็นนักธุรกิจในเกาะอาณานิคมที่ร่ำรวยคนหนึ่งและยังรวยขึ้นมาอีก 188
ล้านดอลลาร์หลังจากขายทิ้งหุ้นจิออร์ดาโนทั้งหมดเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จากนั้นก็นำเงินบางส่วนไปซื้อหุ้นบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ประมาณ
2 ล้านหุ้น และในอีกไม้ข้าก็จะควักเงินในกระเป๋า 387 ล้านดอลลาร์เพื่อก่อตั้งบริษัทสื่อแห่งใหม่ชื่อว่า
"เน็กซ์ มีเดีย กรุ๊ป"
แต่สำหรับการตั้งบริษัทเทคโนโลยี รีพับลิค อินเวสเมนท์ อิงค์. นั้น ไหลมีปณิธานอันแน่วแน่มาตั้งนานแล้ว
และหลังจากตั้งมันขึ้นมา เขาก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือให้กับธุรกิจดังกล่าว
ยิ่งกว่านั้น เขายังคิดที่จะเข้าไปลงทุนในบริษัทหน้าใหม่ ๆ ที่สามารถประยุกต์เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบใหม่
ๆ อย่างเช่น สมาร์ทชิป ที่บรรจุอยุ่ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างต่างนานา ไล่ตั้งแต่หม้อหุงข้าว
จนกระทั่งถึงลิฟต์อีกด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแม้แต่น้อย แถมยังด้อยการศึกษา
เพราะจบเพียงแค่ชั้นประถม แต่เขาก้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ดังจะเห็นได้จากคำกล่าวของเขาที่ว่า
ธุรกิจในสหรัฐฯ เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่หาได้มีความเข้าใจในธุรกิจไม่
แต่เขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอย่างลึกซึ้ง มีความสามารถที่จะกำหนดกลยุทธ์ของเทคโนโลยีได้
โดยสามารถบอกได้ว่า จะต้องผลิตผลิตภัณฑ์ตัวใด และวางยุทธศาสตร์กันแบบใด
อย่างไรก็ดี ถึงแม้เขาจะเบนเข็มไปทำธุรกิจเทคโนโลยี แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะวางมือจากธุรกิจสื่อ
อย่างเช่น หนังสือพิมพ์ภาษาจีน "แอปเปิล เดย์ลี่" ที่เกิดจากเม็ดเงินลงทุน
129 ล้านดอลลาร์ และได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด
โดยยืนยันหนักแน่นว่า เขาจะนั่งเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในสังกัด
และจะไม่ขายหุ้นในมือทิ้ง นอกจากว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเท่านั้น
อีกทั้งยังจะให้การสนับสนุนนักข่าวอย่างเต็มที่ในการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองต่อไป
โดยไม่สนแม้แต่น้อยในเรื่องข้อจำกัดด้านอิสรภาพของสื่อมวลชนในฮ่องกง เมื่อถึงวันที่เกาะอาณานิคมแห่งนี้
ต้องหวนคืนสู่อ้อมอกจีนแผ่นดินใหญ่ในวันที่ 1 กรกฎาคมปีหน้า
ไหล กล่าวทิ้งท้ายว่า "หากผมขายกิจการสิ่งพิมพ์ เกียรติยศชื่อเสียงของผมทั้งหมดที่มีอยู่ก็จะหายไปสิ้น
แม้ผมจะรวย แต่ก็ไม่ได้ต้องการทิ้งเงินไว้ให้ลูกหลานเพียงอย่างเดียว คือ
ว่าผมยังต้องการทิ้งเกียรติยศชื่อเสียงไว้ให้พวกเขาด้วย สำหรับเรื่องทางการปักกิ่งนั้น
ผมคิดว่าเขาคงไม่บ้าพอ ที่จะบีบสื่อมวลชนฮ่องกงให้แดดิ้นไปกับพื้น ในท่ามกลางการจับตามองของสื่อมวลชนจากทั่วโลกอย่างแน่นอน"