ดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุล องครักษ์พิทักษ์จีเอฟคนที่ 4


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

"องครักษ์พิทักษ์เสรี" เป็นฉายาที่ ดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุล อดีตผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ได้รับตลอดเวลาที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดกับเสรี จินตนเสรีจนเป็นที่ทราบกันดี ดังนั้นเมื่อ 'นาย' ต้องลาออกตามวาระครบ 4 ปี ดร.ชัยพัฒน์ จึงตัดสินใจลาออกพร้อมนายหลังจากที่ตั้งท่าคิดจะออกตั้งแต่ปีนี้ และเบนเข็มหางานใหม่ทำ

"ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดา ปรกติอยู่ที่ไหนไม่นานแค่ 2 ปีก็ออก แต่นี่อยู่กับตลาดฯ มานานถึง 5 ปีกว่า และไม่คิดปลดเกษียณที่นี่ ผมเป็นคนที่อยู่กับระบบงานเอกชนก่อนมานั่งที่ตลาดหลักทรัพย์ และจะกลับไปที่เอกชนอีก ก็เหมือนกับเป็นการสร้างความรู้ให้ตนเองสองด้าน" ดร.ชัยพัฒน์ เล่าให้ฟัง

งานใหม่ที่ ดร.ชัยพัฒน์ ได้รับการทาบทามจากณัฐศิลป์ จงสงวน อดีตเจ้านายเก่าสมัยทำอยู่บริษัทมอร์แกรน เกรนเฟล คือ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์สถาบันของ บงล.จีเอฟ ซึ่งเป็นนโยบายให่ของจีเอฟในวาระครบรอบ 30 ปีที่จะส่งเสริมธุรกิจหลักทรัพย์กับสถาบันต่าง ๆ นอกจากนี้ จีเอฟได้ร่วมกับกลุ่มไพร์มอีสบริหารกองทุนมูลค่า 65 ล้านเหรียญสหรัฐขยายเครือข่ายลูกค้าต่างประวเทศ โดยดร.ชัยพัฒน์จะรับผิดชอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตราสารอนุพันธ์ และธุรกิจบริหารกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวทฟันด์) ซึ่งจะเป็นธุรกิจสำคัญของบริษัทในอนาคต

ว่าไปแล้วจังหวะเวลาที่ ดร.ชัยพัฒนา ลาออกและเลือกร่วมงานกับจีเอฟก็เป็นช่วงเวลาเหมาะสม เพราะกลุ่มจีเอฟได้ปรับโครงสร้างบริหารใหม่ เพื่อรงอรับการขยายธุรกรรมการเงินหลากหลาย ทำให้ผู้บริหารระดับกรรมการผู้จัดการของ บงล.จีเอฟ แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ หนึ่ง-กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บริหารโดยสันติ หอกิตติกุล สอง-กลุ่มธุรกิจเงินทุนดูแลโดย นฤนาท รัตนะกนก สาม-กลุ่มวาณิชธนกิจ บริหารโดยโรเบิร์ต แมคมิลแลน และสี่-กลุ่มน้องใหม่ 'กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์สถาบัน' ดูแลโดยดร.ชัยพัฒน์ และห้า-กลุ่มวิจัยธุรกิจ ซึ่งเพิ่งยกฐานะมีกรรมการผู้จัดการเป็นครั้งแรก

หากดร.ชัยพัฒน์ ยังรั้งรออยู่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ก็ใช่ว่าจะก้าวหน้าได้เป็นใหญ่ในยุคของนายใหม่อย่าง "สิงห์ ตังทัตสวัสดิ์" เพราะดร.ชัยพัฒน์รู้ตัวดีว่า สมัยเรืองอำนาจเมื่อสองปีก่อน ขนาดเสรีพยายามผลักดันให้ดร.ชัยพัฒน์ขึ้นเป็นรองผู้จัดการเทียบเท่าสุรัตน์ พลาลิขิต เพื่อเตรียมต่อบันไดให้ดร.ชัยพัฒน์ เป็นหมายเลขหนึ่งก็ยังล้มเหลวจากเสียงคัดค้านของกรรมการบางคน

โดยบุคลิกนิสัย ดร.ชัยพัฒน์ มีมาดนักวิชาการระดับดอกเตอร์สาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ สหรัฐ ที่ค่อนข้างเชื่อมั่นตัวเองสูง ชีวิตการทำงานในฐานะนักวิจัยที่เขียนผลงานวิจัยเกี่ยวกับตลาดเงินตลาดทุนที่ผ่านสำนักวิจัยดัง ๆ อย่างทีดีอาร์ไอ สถาบัน CMRI ของไอเอฟซีที หรือมอร์แกรน เกรนเฟล ก่อนจะมาใหญ่ที่ตลาดหลักทรัพย์โดยได้รับแรงสนับสนุนจากเสรีอย่างเต็มที่ บางครั้งทำให้ ดร.ชัยพัฒน์ ก้าวร้าวและโดดเดี่ยวไม่คบหากับเพื่อนผู้บริหาร ตรงนี้เป็นจุดอ่อนที่ ดร.ชัยพัฒน์ ต้องเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะโดนสถานการณ์ใหม่ในจีเอฟบังคับให้ต้องเปลี่ยน

ดร.ชัยพัฒน์ ได้เล่าให้ฟังว่า ตัดสินใจมาอยู่ที่จีเอฟด้วยตัวเอง เพราะอยากกลับมาทำงานกับเอกชน แต่ที่เพิ่งลาออกพร้อมกับอดีตผู้จัดการเสรีก็เพราะได้รับปากว่าจะอยู่ช่วยจนครบวาระ สำหรับการทำงานกับกลุ่มจีเอฟ จะนำประสบการณ์จาการที่ได้ออกไปทำโรดโชว์ เมื่อครั้งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์

"ที่สำคัญ คือ ดร.ณรงค์ชัย ท่านเป็นอาจารย์และที่ปรึกษาการทำวิทยานิพนธ์เมื่อครั้งผมเรียนปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์ และอาจารย์เป็นคนดีที่ผมเลือกทำงานด้วย" นับว่าเป็นสายสัมพันธ์อันเก่าแก่ที่ ดร.ชัยพัฒน์ พยายามเกาะเกี่ยวให้ถึง

ดร.ชัยพัฒน์ ไม่ใช่ลูกศิษย์คนแรกที่ถูก ดร.ณรงค์ชัย ชวนมาทำ ดร.อัจนา ไวความดี ดอกเตอร์เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกาที่ทำงานเป็นอาจารย์เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 10 ปีก่อนจะมาทำกับทีดีอาร์ไอเกือบ 2 ปี เคยโดน ดร.ณรงค์ชัย ชวนมาทำที่จีเอฟสำเร็จ ปัจจุบัน ดร.อัจนาได้รับการโปรโมทเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการสำนักวิจัยธุรกิจ ที่คาดว่าน่าจะได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการกลุ่มใหม่ ถ้าไม่พลิกโผ

เพราะปรากฏข่าวลือสะพัดภายในจีเอฟว่า "ดร.อัจนาขอลาออก" ก่อนวันที่ 1 สิงหาคมที่ ดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุลเข้ารับตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์สถาบันกับบงล.จีเอฟ ข่าวลือนี้สร้างจินตนาการไปไกลถึงว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพราะทั้งคู่ต่างหยั่งรู้วิถีและตัวตน "อีโก้" ตามธรรมชาติของนักวิจัยที่มักทำงานคนเดียวและอยู่กับข้อมูลตัวเลขตลอดเวลา ติดต่อกับคนอื่นน้อยมาก งานแต่ละวันหมดไปกับการประชุม ไปต่างประเทศ หรือห้องค้าต่างจังหวัด และเวลาที่เหลือก็หมดไปกับงานวิจัยและอ่านหนังสือ จนครั้งหนึ่ง ดร.อัจนา เคยเปรียบว่า โลกของนักวิจัยเหมือนกบอยู่ในกะลาครอบ

แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ว่าวันนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของจีเอกจะปฏิเสธข่าวลือนี้ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่สำหรับคนใหม่อย่าง ดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุล ยังต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ปรับเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ทันการณ์และกว้างไกลอย่างมีวิสัยทัศน์ที่พ้นจากตัวเองได้มากน้อยเพียงใด



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.