4เดือนราคาทองพุ่ง10% ขอโขกกำเหน็จซ้ำ100บ.


ผู้จัดการรายวัน(26 เมษายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ราคาทองพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนเมษายนปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,100 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10.94% สมาคมทองคำบ่นอุบยอดขายวูบ 30-40% ช่างทองเริ่มเตะฝุ่นร้านทองไม่ส่งออเดอร์ เล็งโชกค่ากำเหน็จเพิ่มอีก 100 บาท จาก 300 บาท เป็น 400 บาท แถมปรับสูตรกำหนดราคารับซื้อคืนใหม่จากเดิมไม่ต่ำกว่า 100 บาท เป็นราคารับซื้อคืนขั้นต่ำกว่า 1.45% อ้างป้องกันความผันผวนการขึ้น-ลงของทองคำในตลาดโลก ชี้ในระยะสั้นมีโอกาสเห็นทองคำทะลุ 12,000 บาท ก่อนทะยานแตะ 15,000 ในปีหน้า

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ทะยานตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายทองคำภายในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 30-40% ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์การจ้างงานช่างทองลดลงตาม ซึ่งขณะนี้ช่างทองบางส่วนเริ่มว่างงาน เนื่องจากยอดขายทองที่ตกลง ส่งผลให้ออเดอร์ลดลงตาม และมีช่างทองบางส่วนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ เริ่มกลับไปภูมิลำเนาเนื่องจากไม่มีงานทำ

สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลกวานนี้ (25 เมษายน) ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงประมาณ 11 ดอลลาร์สหรัฐ โดยลดลงมาเหลือ 623 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อเทียบกับวันก่อน

ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งและรูปพรรณในประเทศ จากข้อมูลของสมาคมค้าทองคำ พบว่า ตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 25 เม.ย. ราคาทองคำแท่งและราคาทองคำรูปพรรณได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,100 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10.94%

โดยราคาทองคำแท่งเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2548 ราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 9,950 บาท ขายออก 10,050 บาท ขณะที่เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนอยู่ที่ 11,050 บาท และราคาขายออก 11,450 บาท ส่วนราคาทองคำรูปพรรณ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2548 ราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 10,930.36 บาท และราคาขายออก 11,450 บาท

"ราคาทองคำในตลาดโลกที่มีความผันผวน บางวันขึ้นลงถึง 4 ครั้ง ส่งผลให้เรามีความจำเป็นต้องปรับวิธีการคำนวณราคารับซื้อคืนทองคำใหม่ เพราะในช่วงก่อนหน้าสูตรที่กำหนดไว้ราคาขายกับราคารับซื้อคืนห่างกันประมาณ 100 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับต้นทุน" นายจิตติกล่าว

สำหรับสูตรใหม่ในการคำนวณราคารับซื้อทองคำ และราคาขายออกที่สมาคมค้าทองคำเตรียมปรับใหม่ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 100 บาท จะปรับเปลี่ยนมาเป็นราคารับซื้อคืนต้องไม่ต่ำกว่า 1.45% ของราคาขายทองคำแท่ง ซึ่งจุดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ค้าทองคำให้สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริง และลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวที่หวือหวาของราคาทองคำ และเชื่อว่าสูตรใหม่นี้จะส่งผลดีกับผู้บริโภค เพราะหากราคาทองคำปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10,000 บาท ราคารับซื้อคืนจะมีส่วนต่างไม่ถึง 100 บาท อย่างไรก็ตาม หากปรับสูตรใหม่เชื่อว่าราคารับซื้อคืนจะมีส่วนต่างเพิ่มขึ้นจาก 100 กว่าบาท เป็นประมาณ 130 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาขาย

นายจิตติ กล่าวว่า การกำหนดสูตรราคารับซื้อทองคำ ที่กำหนดส่วนลดขั้นต่ำไว้ที่ 1.45% เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากนัก เนื่องจากหากเปรียบเทียบกับราคารับซื้อคืนและราคาขายในต่างประเทศ ถือราคาทองคำของไทยต่ำกว่า โดยในต่างประเทศราคาขายทองคำจะสูงกว่าราคาอ้างอิงประมาณ 10% ขณะที่ราคารับซื้อจะถูกกว่าราคาอ้างอิงสูงถึง 10%

ขณะเดียวกันในเดือนพฤษภาคม สมาคมค้าทองคำจะปรับเพิ่มค่ากำเหน็จ เพิ่มจากเดิมคิดค่ากำเหน็จในอัตราขั้นต่ำ 300 บาท ต่อทองคำน้ำหนัก 1 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงและช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับช่างทองคำที่มีออเดอร์ลดลง

นายจิตติ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในช่วงไตรมาสสองว่า คาดว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยระยะสั้นเชื่อว่าราคาทองคำจะมีโอกาสทะลุ 12,000 บาทต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท (15.2 กรัม) เนื่องจากมีการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า ของกองทุนเก็งกำไร

นอกจากนี้ ยังมีบทวิเคราะห์ระบุว่าในช่วง 2 ปีข้างหน้า ราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสทะยานไปแตะที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งทำให้ราคาทองคำในประเทศมีโอกาสแตะ 15,000 บาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.