ธุรกิจเหล็กจ่อคิวเข้าตลาดหุ้น


ผู้จัดการรายวัน(24 เมษายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

เผยภายใน 4 ปีมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหล็กระดมทุนในตลาดแรกกว่า 8.4 พันล้านบาท "ไทยคูน"ระดมทุนมากสุด 2.4 พันล้าน บล.ซีมิโก้เตรียมเข็น"ลิสเอเซียสตีล"จดทะเบียน เตรียมเสนอขาย 100 ล้านหุ้น คาดกระจายหุ้นปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 พร้อมกับเข็นหุ้นเหล็กอีก 1 บริษัทเข้าตลาดหุ้น ประเมินปีนี้มีบริษัททำธุรกิจเหล็กแห่เข้าระดมทุนเป็นจำนวนมากเหตุราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น

นายวิเชียร เอื้อสงวนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่าบริษัทได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทริชเอเซีย

สตีลให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งได้ยื่นคำขอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แล้วหลังจากนั้นจะยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง) ต่อไปซึ่งคาดว่าสำนักงานก.ล.ต.จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 30 วันถ้าเป็นไปตามขั้นตอนคาดว่าจะสามารถกระจายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปได้ภายในปลายไตรมาส2หรือต้นไตรมาส 3 นี้

ทั้งนี้บริษัทริชเอเซีย สตีลนั้นจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 100 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 1 บาทโดยเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้นจะนำไปใช้ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

นอกจากนี้บล.ซีมิโก้เตรียมที่จะนำบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหล็กอีก1 บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้เช่นกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะจะต้องรอให้ยื่นข้อมูลต่อสำนักงานก.ล.ต.ก่อน

"ขณะนี้ได้ยื่นแบบคำขอของบริษัทริชเอเซีย สตีล ไปยังสำนักงานก.ล.ต.เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานก.ล.ต. อย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าได้รับการอนุมัติก็จะยื่นแบบไฟลิ่งต่อไปโดยคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 30 วันทำการในการพิจารณาหลังจากนั้นก็จะมีการแนะนำข้อมูลให้กับนักลงทุนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น"นายวิเชียรกล่าว

ทั้งนี้คาดว่าหุ้นบริษัทริชเอเซียสตีลจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเนื่องจากราคาจองที่จะเสนอขายนั้นจะอยู่ในระดับที่ต่ำมากและถือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะมีหุ้นเหล็ก 2บริษัทที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้วคือบริษัท จีสตีล และบริษัทซิตี้ สตีลและราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจองนั้นเชื่อว่าไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใดเพราะขณะนี้ทิศทางของราคาอุตสาหกรรมเหล็กมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

หลังจากที่ในปีก่อนราคาเหล็กปรับตัวลดลง ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะทำให้มีบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหล็กและต้องการขยายงานอาจจะใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น

อนึ่งขณะนี้มีบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหล็กที่ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานก.ล.ต.แล้วและยังไม่ได้เสนอขายหุ้นได้แก่บริษัทสหไทยสตีลไพพ์เป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็ก ซึ่งจะเสนอขายหุ้นจำนวน 105 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1บาท โดยมีบล.ทิสโก้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

จากการรวบรวมข้อมูลของหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน เกี่ยวกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหล็กที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในช่วง 4 ปีนับตั้งแต่ปี 2546-2549 พบว่ามีจำนวน 10 บริษัทซึ่งคิดเป็นเงินระดมทุนในตลาดแรกหรือ IPO จำนวน 8.41พันล้านบาท โดยบริษัทที่ระดมทุนมากสุดได้แก่บริษัทไทยคูนเวิลด์ไวด์ กรุ๊ป(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ TYCN เข้ามาจดทะเบียนในปี 2546มูลค่าระดมทุน 2.43 ล้านบาท รองลงมาได้แก่บริษัท จีสตีลจำกัด(มหาชน) หรือ GSTEEL ระดมทุน 2.4 พันล้านบาท

ส่วนบริษัทที่เหลือได้แก่บริษัทเอเซียเมทัล หรือ AMC ระดมทุน 175 ล้านบาท ,บริษัทสามชัย สตีล อินดัสทรี หรือ SAM ระดมทุน 300 ล้านบาท,บริษัทแปซิฟิกไพพ์ หรือ PAP ระดมทุน 688.50 ล้านบาท, บริษัทบางสะพานบาร์มิล หรือ BSBM ระดมทุน 988 ล้านบาท ,บริษัทค้าเหล็กไทยหรือ TMT ระดมทุน 505.75 ล้านบาท ,บริษัทเพิ่มสินสตีลเวิคส์ หรือ PERM ระดมทุน 350 ล้านบาท, บริษัทซีเอสพี สตีล เซ็นเตอร์ หรือ CSP ระดมทุน 300 ล้านบาทและบริษัทซิตี้ สตีล หรือ CITY ระดมทุน 246.6 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวในช่วง 3 เม.ย.-21 เม.ย. โดยหุ้น BSBM ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดโดยราคาปิดที่ 1.67 บาท เพิ่มขึ้น 0.42 บาท หรือ 33.60% ตามด้วย TYCN ราคาปิดที่ 8.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท หรือ 12.67%, หุ้น CITY ราคาปิดที่ 3.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 14.93%, หุ้น GSTEEL ราคาปิดที่ 1.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 12.00%, หุ้น PAP ราคาปิดที่ 17.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท หรือ 7.45%, หุ้น TMT ราคาปิดที่ 3.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ 3.77%

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มเหล็กน้อยกว่าตลาด โดยให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบการดีและมีการจ่ายเงินปันผลสูงได้แก่ TMT,MCS,GSTEEL ส่วน BSBM ควรเก็งกำไรด้วยความระมัดระวังเนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเป็นการตอบสนองต่อการปรับเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของหลายบริษัทมีการพลิกฟื้นขึ้น อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยเห็นว่าการปรับเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กครั้งนี้ น่าจะเป็นการปรับตัวในระยะสั้น

ทั้งนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กแทบทุกชนิดในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในธุรกิจเหล็กของไทยแตกต่างกันไป โดยผู้ประกอบการ กลุ่มที่ 1 ซึ่งมีการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือด้วยวิธี Mark to market เช่น BSBM จะได้รับประโยชน์ทันทีจากการตีกลับการด้อยค่าจะส่งผลให้ผลประกอบการงวด 1Q49 มีการพลิกฟื้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ผู้ประกอบกลุ่มที่ 2 ที่ไม่ได้มีการตีกลับการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือยังคงประสบปัญหาขาดทุนต่อไปในงวด 1Q49 ได้แก่ NSM , MS , TYCN เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยในงวด 1Q49 ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ผลประกอบการของผู้ประกอบการกลุ่มที่ 2 จะดีขึ้นมากในงวด 2Q49 เป็นต้นไป ภายหลังการรับรู้ราคาส่งมอบใหม่ที่สูงขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.