"มาลีนนท์ ตลาดหุ้นจะพลิกโฉมทีวี ?"

โดย สมสมัย ศักดาวัฒนานนท์
นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 เป็นสถานีโทรทัศน์เพียงช่องเดียวในเวลานี้ ที่เข้าไประดมเงินทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

การเข้าระดมเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของช่อง 3 ไม่ได้ทำในนามของบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานแพร่ภาพโทรทัศน์ จาก อ.ส.ม.ท. อันเป็นธุรกิจหลัก หากแต่ใช้วิธีการจัดตั้งบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ขึ้นเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี ถือหุ้นในบริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และบริษัทในเครือทั้งหมดเป็นบริษัทที่เข้าไประดมเงินทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ

ช่อง 3 เป็นสถานีโทรทัศน์ ที่ดำเนินงานโดยตระกูล "มาลีนนท์" มาโดยตลอด จากรุ่นพ่อ คือวิชัย มาลีนนท์ ผู้ก่อตั้งที่ต้องฟันฝ่าวิกฤตการณ์ด้านการเงิน จนเกือบล้มละลายจนมาได้แบงก์กรุงเทพฯ ช่วยชีวิต และได้ต่ออายุสัมปทานจาก อ.ส.ม.ท.ไปอีก 20 ปี

ในเวลาเดียวกันช่อง 3 ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องคลื่นส่ง ทำให้ภาพไม่คมชัด ซึ่งช่อง 3 ต้องแก้ไขปัญหาด้านนี้มาตลอดจนทุเลาลง

จนมาถึงรุ่นลูก "ประสาร-ประวิทย์-ประชา" ทายาทหนุ่มทั้งสาม ซึ่งเป็นเรี่ยวแรงสำคัญที่ทำให้ช่อง 3 ผ่านพ้นวิกฤตการณ์มาได้ และยืนหยัดมาจนทุกวันนี้

ปัจจุบันการดำเนินงานทั้งหมดของช่อง 3 จะอยู่ภายใต้การบริหารของทายาททั้งสี่ประสาร ลูกคนโต รับผิดชอบดูแลเรื่องการเงิน ค่าใช้จ่ายของสถานีทั้งหมดมาตลอดนิสัยของประสารไม่ใช่คนช่างพูด

ประวิทย์ บุตรชายคนรอง ทำหน้าที่วางแผนในด้านต่าง ๆ ของช่อง 3 และด้วยบุคลิกที่ยิ้มแย้มดูเป็นมิตร ประวิทย์ ยังทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง

ส่วนประชา ลูกชายคนที่สามจะทำหน้าที่สานงานต่อจากประวิทย์ รับผิดชอบงานทางด้านข่าว รายการ และสตูดิโอ นิสัยของประชาจะเน้นไปในเรื่องการสร้างความแปลกใหม่ นิสัยของประชาเป็นที่รู้กันว่า กล้าได้กล้าเสีย ใจถึง เมื่อทำอะไรแล้วต้องทำให้ยิ่งใหญ่ มีหลายโครงการที่ประชาเป็นผู้ริเริ่มไม่ว่าจะเป็นการทำค่ายเทป วิทยุ เคเบิลทีวี แซทเทิ่ลไลท์ทีวี ประชาเป็นที่รู้จักกับบุคคลภายนอกมากกว่าพี่ชายทั้งสอง และล่าสุดประชายังได้รับแต่งตั้งให้เป็นวุฒิสมาชิก

ประชุม บุตรชายคนสุดท้อง ที่เข้ามารับผิดชอบธุรกิจใหม่ ๆ ของช่อง 3 และเรียนรู้งานจากพี่ ๆ ทั้งสาม

แม้ว่า ตามธรรมเนียมจีนแล้ว ประสารในฐานะที่เป็นลูกชายคนโตจะเป็นทายาทสืบตระกูลและสืบทอดธุรกิจ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรเด่นชัด บทบาทส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประชา

แม้ว่าการเข้ามาของแบงก์กรุงเทพฯ จะทำให้ประชาต้องขยับขยายไปทำธุรกิจอื่น ด้วยการหันไปจัดตั้งบริษัทแรดิแอด ทำห้องบันทึกเสียง จัดตั้งบริษัทบริษัทยูแอนด์ไอ คอร์ปอเรชั่น ทำรายการวิทยุ บริษัทเอสพี ผลิตนักร้องในสังกัดช่อง 3และทำธุรกิจที่ดินในนามชัยพัฒน์ แต่ไม่นานมานี้ประชาก็กลับมาในช่อง 3 อีกครั้งอย่างเต็มตัว หลังจากธุรกิจที่เขาไปทำมามีทั้งประสบความสำเร็จ และล้มเหลว

ประวิทย์ ชี้แจงกับ "ผู้จัดการ" ถึงการแบ่งหน้าที่การรับผิดชอบว่า ไม่มีการกำหนดภาระหน้าที่ตายตัวว่าใครจะต้องรับผิดชอบอะไร แล้วแต่ว่าใครอยากทำหน้าที่อะไรช่วงไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข่าว และรายการ

การผสมผสานความสามารถของพี่น้องทั้งสี่ ทำให้ช่อง 3 ในวันนี้ พ้นวิกฤตการเงิน และกลายเป็นอันดับ 2 ในธุรกิจฟรีทีวี จุดโดดเด่นของช่อง 3 คือ ละคร และภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งช่อง 3 ทุ่มเทเงินทุนไปจำนวนมาก และกลายเป็นเอกลักษณ์ของช่อง 3 ไม่ว่าจะเป็นเปาบุ้นจิ้น หรือกระบี่ไร้เทียมทาน

ละครของช่อง 3 จะใช้วิธีจ้างผู้จัดละครที่เป็นบุคคลซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอดีตดาราในสังกัด เช่น มยุรฉัตร, วรายุทธ, ก้อย, มยุรา โดยช่อง 3 จะเป็นผู้ออกเงินทุนให้ และแบ่งรายได้

มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ผู้จัดละครให้กับช่อง 3 มาสิบกว่าปี เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า ช่อง 3 จะให้อิสระในเรื่องของการคัดเลือกเรื่อง หรือ ดารา จะเข้าไปมีส่วนออกความเห็นบ้างเล็กน้อย ทำให้เกิดความสบายใจในการทำงาน

"ยอมรับว่า ผู้บริหารของช่อง 3 ให้โอกาสมาก ไม่เข้ามาก้าวก่าย ซึ่งทำให้เราทำงานได้เต็มที่"

เมื่อเร็ว ๆ นี้ช่อง 3 ได้ปรับผังรายการใหม่ ด้วยการขยายช่วงเวลาไพรม์ไทม์ให้มากขึ้น ซึ่งประวิทย์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงไพรม์ไทม์ของช่อง 3 จะเริ่มตั้งแต่ 17.00 น.-23.00 น. คาดว่าในอนาคตช่วงไพรม์ไทม์จะขยายลงมาถึง 16.00-24.00 น.

ผังรายการใหม่ของช่อง 3 ได้ถูกปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เสนอข่าวภาคค่ำในเวลา 18.45-20.25 น. เปลี่ยนเป็น 2 ช่วงคือ ช่วง 18.00 น.-18.45 น. และ 20.00 น.-20.25 น. ส่วนเวลา 18.45-19.45 น. จะเป็นภาพยนต์

ประวิทย์ให้เหตุผลถึงการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ว่าเนื่องจากทุกช่องมีการเปลี่ยนแปลงเวลาเสนอข่าวเร็วขึ้น เพื่อหลีกหนีการแข่งขัน การปรับผังรายการครั้งนี้ช่อง 3 หวังผลว่าจะได้กลุ่มคนดูรอบนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น และคาดหวังว่ารายการในช่วงหลังข่าวภาคแรกจะมีผู้ชมเท่ากับละครหลังข่าว

ไม่เพียงแต่การปรับปรุงผังรายการเพื่อรับมือการแข่งขันในธุรกิจฟรีทีวี แต่ช่อง 3 ได้สร้างวิสัยทัศน์ขยายไปยังสื่อใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวนำ

ประชาจัดตั้งกลุ่มอินโฟร์กรุ๊ปขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพื่อทำธุรกิจคอมพิวเตอร์ แนวคิดนี้ประชาได้มาจากการที่ต้องเดินทางไปซื้อหนังจากต่างประเทศเป็นประจำ ทำให้ประชารู้ว่าอีกไม่นานคอมพิวเตอร์ และมีเดียต้องผนึกกัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ช่อง 3 จะต้องหันมาเรียนรู้ธุรกิจนี้

เป้าหมายของอินโฟร์กรุ๊ป คือ เพื่อเป็นฐานในเรื่องเทคโนโลยีให้กับช่อง 3 ในการเข้าสู่ยุคดิจิตอล

อินโฟร์กรุ๊ปเริ่มต้นธุรกิจด้วยการค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ประชาเปิดบริษัทขึ้นมากมาย เพื่อเป็นตัวแทนขายเครื่องยี่ห้อต่าง ๆ และมอบหมายให้ประชุม น้อยชายและปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย ซึ่งสนิทกับครอบครัวมานาน และเคยมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทคอมพิวเตอร์ในต่างประเทศมาเป็นมือบริหาร

แต่ในยุคที่ตลาดคอมพิวเตอร์คลายมนต์ขลัง ราคาลดต่ำลงฮวบฮาบ อินโฟร์กรุ๊ปพ่อค้าหน้าใหม่ จึงไปไม่ได้สวยนัก ประชุมเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างใหม่โดยยุบบริษัทในกลุ่มที่มีอยู่เกือบ 10 บริษัท เหลืออยู่เพียงแค่ 3 บริษัท เช่น ทรีมีเดีย รับจัดสื่อโฆษณาอิเลกทรอนิกส์

"แต่เรายังไม่คิดทิ้งธุรกิจนี้ เพราะเราจำเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจทีวี" ประชุมชี้แจง

ช่อง 3 ยังมีแผนที่จะขยายเข้าไปยัง "สื่อ" ใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเคเบิลทีวี โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมซึ่งยื่นเสนอขอไปทั้งกรมประชาสัมพันธ์ และ อ.ส.ม.ท. และยังอยู่ในขั้นตอนของการเสนอเท่านั้น เช่นเดียวกับสัมปทานอัพลิงค์-ดาวลิงค์ ที่ช่อง 3 ได้เข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในโครงการของ อ.ส.ม.ท. แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาล

เช่นเดียวกับโครงการเคเบิลทีวี ที่แม้จะได้รับอนุมัติจากกรมประชาสัมพันธ์แล้วก็ตาม แต่ประชา ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการได้สั่งชะลอโครงการแบบไม่มีกำหนด

แม้ว่าช่อง 3 จะมีวิสัยทัศน์ในเรื่องเทคโนโลยี และไอทีที่ดูจะแจ่มชัดกว่าช่องอื่น แต่บริบทของการเริ่มต้นในธุรกิจนี้ยังไม่เด่นชัดเท่าที่ควร เว้นแต่ภาพลักษณ์ที่ปรากฎออกมาดูจะมากกว่า ที่จะออกมาเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

เว้นแต่การร่วมทุนกับทีวีบี พันธมิตรเก่าแก่ผู้ผลิตรายการจากฮ่องกง ด้วยการจัดตั้งบริษัททีวีบี 3 เน็ทเวิร์ค เพื่อขยายออกสู่ตลาดในต่างประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป และสหรัฐ

วิธีการ คือ ผลิตรายการป้อนให้กับฟรีทีวี และเคเบิลทีวีตลอดจนการผลิตรายการพิเศษ และข่าวป้อนส่งกระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนซอฟต์แวร์รายการและทีวีบี

การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะมีการสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ เพื่อทำเป็นสตูดิโอ ซึ่งมีห้องส่ง และผลิตรายการ

นอกเหนือจาก การปรับปรุงอุปกรณ์แพร่ภาพทั่วประเทศและการสร้างเสาอากาศแพร่ภาพใหม่ โครงการทีวีบี 3 เป็นเหตุผลหนึ่งที่ใช้ในการเข้าไประดมเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของช่อง 3



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.