BT เตรียมขายหุ้นตามเกณฑ์ไม่เกี่ยงราคาตลาดต่ำกว่าทุน


ผู้จัดการรายวัน(21 เมษายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“ไทยธนาคาร” ขายหุ้นคืนตามเกณฑ์ที่ครบ 26 พ.ค. จำนวน 93.36 ล้านหุ้น พร้อมขายราคาต่ำกว่าทุน ที่ซื้อมาประมาณ 8 บาทต่อหุ้น เพราะปัจจุบันอยู่ที่ระดับราคาหุ้นละ 7 บาทกว่า ระบุผลประกอบการแบงก์ดีต่อเนื่อง มั่นใจไตรมาส 2 ยังคงกำไรสูง เป็นที่สนใจของนักลงทุน รอจังหวะออกหุ้นกู้ 2 พันล้าน หวังเพิ่มเงินกองทุน

นายพีรศิลป์ ศุภผลศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารมีนโยบายที่จะขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติมประมาณ 93.36 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่ธนาคารได้รับซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพราะมองว่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ขนาดนั้นต่ำเกินไป จึงได้รับซื้อไว้ และในขณะนี้จะครบกำหนดที่ธนาคารจะต้องจำหน่วยหุ้นออกไปในวันที่ 2-26 พฤษภาคม 2549 นี้ตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ ในการจำหน่ายหุ้นดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ธนาคารจะต้องขายออกภายใน 3 ปีหลังจากที่ธนาคารได้ซื้อหุ้นคืนมาตั้งแต่ปี 2546 โดยธนาคารได้ซื้อไว้ในราคาเฉลี่ยประมาณ 8 บาทต่อหุ้น ดังนั้นในการขายหุ้นของธนาคารครั้งนี้จะขึ้นอยู่กับราคาที่เหมาะสม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็มีนักลงทุนให้ความสนใจที่จะเข้ามาซื้อ

อย่างไรก็ตาม หากราคาขายหุ้นของธนาคารต่ำกว่าต้นทุนที่ธนาคารซื้อหุ้นบ้างเล็กน้อย ก็ไม่ถือว่าเสียหาย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ลงบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายไปครบแล้ว โดยคาดว่าจะขายในราคาเฉลี่ยราคาปิด 5 วัน และหัก 15 % ของราคาปิดเฉลี่ย 5 วัน ซึ่งราคาจะออกมาสูงกว่าหรือต่ำกว่าต้นทุน ธนาคารก็พร้อมที่จะขายตามกฎหมาย ทั้งนี้หากหุ้นที่ธนาคารซื้อมาขายไม่หมด ธนาคารจะต้องตัดออกจากเงินกองทุน ซึ่งจะไม่กระทบกับผู้ถือหุ้น เพราะตัดบัญชีไปก่อนหน้าแล้ว

รอจังหวะออกหุ้นกู้ 2 พันล้าน

สำหรับการออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท ที่ธนาคารได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้นั้น ขณะนี้กำลังรอดูจังหวะ ที่จะออก โยกำลังติดตามสถานกรณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องของการเมือง และภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งภาวะการเมืองจะต้องอยู่ในภาวะปกติ มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีได้เสียก่อน เพราะการออกหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นการออกขายสกุลเงินต่างประเทศให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งต้องนำปัจจัยการเมืองมาประกอบการตัดสินใจลงทุน และหลังจากออกขายหุ้นกู้

ส่งผลให้เงินกองทุนของธนาคารจะเพิ่มมาอยู่ที่ 9.6-9.7% จากปัจจุบันที่ธนาคารมีเงินกองทุน 8.7% โดยภาพรวมของธนาคารน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุน เนื่องจากผลประกอบการของธนาคารในไตรมาส 2 คาดว่าน่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมาจากแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่ยังเติบโตได้ นอกจากนี้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าเป้าหมาย

“โดยปกติผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ของธนาคาร ส่วนใหญ่จะเติบโตขึ้น เพราะมีเงินปันผลเข้ามามาก จากการลงทุน ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 เทียบกับปี 2548 ธนาคารเชื่อว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะดีไปถึงไตรมาสที่ 3 เนื่องจากธนาคารมีการขยายธุรกิจอย่างระมัดระวัง และสินเชื่อก็ยังเติบโตได้”กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว

ตั้งเป้าเอ็นพีแอลสิ้นปีเหลือ 2.5-3%

นายพีรศิลป์กล่าวอีกว่า ธนาคารมีเป้าหมายที่จะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้( เอ็นพีแอล ) โดยในสิ้นปีนี้มีเป้าหมายที่จะลดลง 2.5-3% จากไตรมาส 1 ที่อยู่ในระดับ 5-6% โดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารให้ความสำคัญกับการย้อนกลับของเอ็นพีแอล ซึ่งเท่าที่ธนาคารได้ติดตามดูก็พบว่ามีน้อยมากและส่วนใหญ่ก็สามารถแก้ไขได้ทำให้ธนาคารมั่นใจว่าในสิ้นปีเอ็นพีแอลของธนาคารจะลดลง โดยการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ การปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และการขายหนี้ออกเป็นล็อตใหญ่หากเงื่อนไขและราคาดี


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.