|
กรณีศึกษาของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 เมษายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
เรื่องร้อน ๆ ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นธุรกิจ Non Bank ที่เป็นบริษัทดำเนินกิจการธุรกิจบัตรเครดิตและให้สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีเรื่องร้องเรียนกันอยู่ตลอดเวลาของผู้ประกอบการบางรายในการกู้ยืมเงินแล้วคิดอัตราดอกเบี้ยรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเข้ามาควบคุมดูแลให้ถูกต้อง
ปัจจุบันเราต้องยอมรับการอย่างหนึ่งว่า ผู้มีเงินได้กลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์เงินเดือนมักจะเสาะแสวงหาสิ่งอำนวยประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการถือบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ เพื่อซื้อสินค้าหรือบริการที่ไม่ต้องจ่ายเงินทันทีได้รับเครดิตอีก 40-50 วันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการบัตรเครดิต บางรายก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง
นอกจากจะมีบัตรเครดิตหลายใบแล้วยังมีการกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้กู้ยืมเงินในลักษณะของสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ทำให้กิจการเหล่านี้มีรายได้จากดอกเบี้ยการให้กู้ยืมเงินอย่างมากมายมหาศาล ที่มีผลทำให้ธุรกิจบัตรเครดิตและการให้สินเชื่อส่วนบุคคลโตเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างไม่หยุดนิ่ง
หากใครมีเงินถุงเงินถังก็อาจจะดำเนินกิจการให้บริการบัตรเครดิต หรือให้สินเชื่อส่วนบุคคล หรืออาจจะทำทั้งสองธุรกิจ ก็ควรจะทราบว่าการดำเนินธุรกิจดังกล่าวนี้จะต้องมีภาระภาษีอะไรบ้างที่ต้องเสีย แยกประเภทธุรกิจได้ดังนี้
1. ธุรกิจด้านบัตรเครดิต
ในธุรกิจบัตรเครดิตบริษัทจะออกบัตรเครดิตให้แก่ลูกค้าโดยลูกค้าสามารถนำบัตรเครดิตที่บริษัทออกให้ไปชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการโดยลูกค้าไม่ต้องชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการเป็นเงินสด และหลังจากที่ลูกค้าได้ชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยบัตรเครดิตที่บริษัทออกให้แล้ว ผู้ประกอบการจะเรียกเก็บเงินจากบริษัทตามหลักฐานการชำระเงินที่มีลายมือชื่อของลูกค้าปรากฏอยู่ตามช่วงเวลาที่ตกลงไว้กับบริษัท และเมื่อบริษัทชำระเงินให้แก่ผู้ประกอบการแทนลูกค้าแล้ว บริษัทจะดำเนินการเรียกเก็บจากลูกค้า โดยบริษัทจะมีรายได้จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ จากลูกค้า และรวมถึงรายได้ที่เป็นดอกเบี้ยจากการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้าด้วย
นอกจากการให้บริการด้านการชำระค่าสินค้าหรือบริการดังกล่าว ลูกค้ายังสามารถเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากตู้บริการถอนเงินสดของธนาคารต่างๆ หรือเบิกเงินสดจากร้านค้า/ห้างที่มีการตกลงไว้กับบริษัทฯ หรือลูกค้าโทรศัพท์มาที่บริษัทฯ เพื่อขอเบิกเงินโดยแจ้งหมายเลขบัตรเครดิตของตน เมื่อพิจารณาอนุมัติแล้วบริษัทจะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของลูกค้าในวงเงินที่บริษัทกำหนดให้แก่ลูกค้าแต่ละราย ซึ่งวงเงินนั้นจะถูกกำหนดจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้ารายนั้นๆ
โดยในการให้บริการเบิกเงินสดล่วงหน้านี้ บริษัทจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตลอดจนดอกเบี้ยจากการผิดนัดชำระหนี้จากลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้ารายใดผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหน้าที่ของบริษัทจะดำเนินการติดตามทวงถามก่อน และหากยังคงไม่ได้รับชำระหนี้ในบางกรณีบริษัทจะดำเนินการว่าจ้างบุคคลภายนอกเพื่อดำเนินการดังกล่าวแทนบริษัท และหากสามารถเรียกเก็บเงินที่ค้างชำระได้ บริษัทจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการดำเนินการติดตามหนี้จากลูกค้าด้วย เนื่องจากบริษัทฯ มีภาระต้องจ่ายค่าบริการให้แก่บุคคลภายนอกในการติดตามหนี้ดังกล่าว
ค่าธรรมเนียมในการให้บริการเบิกถอนเงินสดผ่านบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมการชำระเงินจากบัตรเครดิตที่เรียกเก็บจากผู้ถือบัตร ค่าธรรมเนียมในการจัดพิมพ์สำเนาใบแจ้งรายการในการใช้บริการใหม่อีกครั้ง ค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบรายการ ค่าธรรมเนียมในการดำเนินคดี เข้าลักษณะเป็นค่าธรรมเนียมจากการให้บริการบัตรเครดิตหรือเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการบัตรเครดิต ถือเป็นรายรับจากกิจการเฉพาะอย่างที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 3(2) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 246) พ.ศ.2534 บริษัทฯ จึงต้องนำรายรับดังกล่าวมาคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 91/4(2) แห่งประมวลรัษฎากร
2. ธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล
บริษัทได้เปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล โดยบริษัทจะให้สินเชื่อแก่ลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาในรูปแบบของการให้กู้ยืมเงิน โดยการชำระคืนเงินกู้นั้นลูกค้าสามารถเลือกผ่อนชำระคืนเงินต้นในจำนวนเงินและระยะเวลาที่ตกลงไว้กับบริษัท โดยบริษัทจะคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างชำระ ตลอดจนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการให้กู้ยืมเงินดังกล่าว หากลูกค้ารายใดผิดนัดชำระหนี้ บริษัทจะดำเนินการทวงถามเช่นเดียวกับกรณีของการให้บริการบัตรเครดิต ในการให้สินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้านั้น
เมื่อลูกค้าของบริษัทนำเงินมาชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยผ่านจุดให้บริการของธนาคาร หรือผ่านระบบการหักบัญชีธนาคาร บริษัทจะทำการคิดค่าธรรมเนียมการชำระเงิน [Transaction Fee] เช่นเดียวกับกรณีของการชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการของบัตรเครดิต
กรณีที่ลูกค้าชำระเงินล่าช้าไม่ตรงตามกำหนดวันชำระเงิน ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการติดตามชำระหนี้ ซึ่งบริษัทจะคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าว [Collection Fee] เช่นเดียวกับกรณีของการให้บริการบัตรเครดิต กรณีที่ลูกค้าค้างชำระหนี้และบริษัทได้ดำเนินการว่าจ้างบุคคลภายนอกเพื่อดำเนินการติดตามทวงถาม บริษัทจะคิดค่าธรรมเนียมการดำเนินคดี [Litigation Fee] เช่นเดียวกับกรณีของการให้บริการบัตรเครดิต
บริษัทให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล โดยบริษัทจะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างชำระ ค่าธรรมเนียมจากการชำระเงินล่าช้าและค่าธรรมเนียมในการจ้างบุคคลภายนอกมาดำเนินคดี เป็นค่าตอบแทนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืมเงิน หรือเกี่ยวเนื่องกับการให้กู้ยืมเงินเข้าลักษณะเป็นรายรับจากการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(5) และมาตรา 91/5(5) แห่งประมวลรัษฎากร
การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและการให้สินเชื่อส่วนบุคคลหากพิจารณาดูแล้วในเรื่องของรายได้คงทำรายได้ค่อนข้างสูง กำไรก็จะสูงตามไปด้วย แต่หากขาดการระมัดระวังการเสียภาษีอากรก็จะมีผลกระทบต่อรายได้หรือกำไรของกิจการ ซึ่งภาษีอากรถือเป็นต้นทุนตัวหนึ่งที่มีผลกระทบต่อการบริหารงานของกิจการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|