|
'เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น'…'สรรหาเทคโนโลยีมาสร้างเงิน
ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 เมษายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
๐ 'เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น' หนึ่งในผู้ประกอบการที่ชอบก้าวไปก่อนคนอื่น
๐ ตัวอย่างความสำเร็จจากการเฟ้นเทคโนโลยีที่คนอื่นมองข้ามมาแปลงเป็นจุดขายที่โดดเด่น
๐ มองอนาคต จับไลฟ์สไตล์ เอาท์ดอร์ แอดเวนเจอร์ สร้างแบรนด์ คาราน่า-อิควิน๊อกซ์ ติดตลาด วางเส้นทางไต่เบียดแบรนด์ระดับโลก
๐ รวมกลุ่มโปรโมทท่องเที่ยวแนวผจญภัย จัดงานใหญ่กระตุ้นตลาดกลางพฤษภา.นี้
ผู้ประกอบการมากมายประสบความสำเร็จจากความสามารถในการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมูลค่าให้สินค้าทิ้งห่างจากคู่แข่ง และยังรวมไปถึงความสามารถในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่คนอื่นยังไม่เห็น
วาสิต สิโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น จำกัด เป็นหนึ่งในเจ้าของธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นจุดขาย เจาะเข้าตลาดผลิตภัณฑ์ Outdoor Adventure
เขากล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่าย เสื้อผ้า อุปกรณ์ เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้งแนวผจญภัย ปัจจุบันความสำเร็จของบริษัทฯ ที่สร้างมา 5 ปี คือ ความสามารถในการสร้างแบรนด์ "Karana" (คาราน่า) อยู่ในตลาดอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 30-40% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 500 ล้านบาท
"Karana" ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เพราะการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งมีอยู่แต่ใช้กับสินค้าที่ส่งเมืองนอกและผลิตภัณฑ์อื่น มาประกอบในสินค้าต่างๆ เช่น simseal ที่ทำเอาท์เตอร์แวร์มาทำเต้นท์ ซึ่งสินค้าที่ทำมี 5 กลุ่มหลักๆ คือ เต้นท์ ถุงนอน ที่นอน กระเป๋ากันน้ำ และอุปกรณ์เดินทาง ประกอบกับการเข้าสู่ตลาดในจังหวะที่มีช่องว่างมาก รวมทั้งการมองเห็นพัฒนาการของตลาดสินค้าแนวผจญภัยในต่างประเทศก้าวไปไกลมาก ในขณะที่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือโลกไร้พรมแดนทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว จึงเห็นโอกาสของตลาดนี้
ปีนี้ ได้กำหนดเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ว่าภายใน3 ปีข้างหน้านับจากนี้หรือประมาณปี พ.ศ. 2552 จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ ด้วยการบุกเข้าไปทำตลาดใน 8 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม เขมร และบรูไน และคาดว่าจะสามารถเปิดช้อปได้ถึง 10 เอ้าท์เล็ท ซึ่งในช่วงนี้อยู่ในระหว่างการเริ่มขยายตลาดและตกลงรูปแบบที่เหมาะสม ว่าจะเป็นการร่วมทุนหรือแฟรนไชส์
เขามองว่า การบุกขยายไปในตลาดภูมิภาคใกล้ๆ ไทย สามารถใช้รูปแบบร้านที่เป็น full concept ได้ เพราะมีสินค้ารองรับความต้องการครบทุกระดับให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งจะเริ่มให้ความสนใจสินค้า(beginner) ลูกค้าที่รู้จักและเข้าใจสินค้าดี (extreme) และลูกค้าที่ต้องการสินค้าคุณภาพสูง (high-end) โดยมีครบทั้งอุปกรณ์แคมปิ้ง เสื้อผ้า รวมทั้งสินค้านำเข้า
นอกจากนี้ ยังสร้างแบรนด์ "EQUINOX Extreme" (อิควินอกซ์ เอ็กซ์ตรีม) เพื่อทำตลาดเสื้อผ้าในกลุ่ม Outdoor Adventure ในรูปแบบ functional เป็นหลักเพราะเป็นตลาดใหม่ เพื่อเจาะตลาดนิช
ปัจจุบัน แบรนด์ EQUINOX Extreme ได้รับการยอมรับจากตลาดในประเทศแล้ว เทคโนโลยีที่ใส่เข้าไป เช่น แห้งเร็ว นุ่ม ไม่มีกลิ่นอับ ไม่เลอะ สะบัดโคลนและฝุ่นออกได้ง่ายๆ ทำให้มีจุดเด่นพิเศษ นอกจากนี้ ยังแตกไลน์โดยใส่ความเป็นแฟชั่นเพิ่มเข้าไปอีกให้มีความเป็น street wear ในคอลเลคชั่น "Adventure e" และล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ออกคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด "E3" เพื่อแสดงความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี
วาสิต บอกว่า เทคโนโลยีที่นำมาใช้กับคอลเล็คชั่น "E3" เป็นการผลิตเสื้อผ้าโดยปราศจากรอยเย็บของเข็มและด้าย เรียกว่า "Kold Fusion" เป็นกระบวนการตัดเย็บเสื้อผ้าโดยการเชื่อมผ้า 2 ชิ้น ด้วยกระบวนการผลิตสมัยใหม่ เช่น ใช้เลเซอร์ , อัลตราโซนิค , คลื่นกระแสไฟฟ้า,ความร้อน และเคมี ทำให้เกิดความสะดวกสบายของผู้สวมใส่ มีความทนทาน และเกิดความรวดเร็วในการผลิต
ที่สำคัญคือ EQUINOX Extreme เป็นรายแรกของโลกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับเสื้อผ้า Outdoor Adventure ส่งผลให้แบรนด์ได้รับการยกระดับจากระดับพรีเมี่ยมแบรนด์ ไปเป็นซูเปอร์พรีเมี่ยมแบรนด์
เทคโนโลยีใหม่ทำให้เกิดโอกาสในการบุกตลาดต่างประเทศเพื่อแข่งกับแบรนด์ดังระดับโลก เช่น North Face และColumbia
"E3"ไปเปิดตัวและวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศแล้ว โดยเริ่มที่สหรัฐอเมริกา สวีเดน สเปน เกาหลี ฮ่องกง และไต้หวัน และคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะตลาดสินค้าแฟชั่นเอาท์ดอร์ในต่างประเทศมีขนาดใหญ่มาก เฉพาะในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าสูงประมาณ 240,000 ล้านบาท เป็นเสื้อผ้าประมาณ 32% หรือประมาณ 76,800 ล้านบาท
วาสิต คาดว่า ภายในปี พ.ศ.2551 "E3" จะสร้างยอดขายในต่างประเทศได้สูงประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 400 ล้านบาท ส่วนยอดขายในประเทศในปีแรกของการวางตลาดน่าจะทำได้ประมาณ 12 ล้านบาท
ส่วนเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ในตอนนี้ คือ การมุ่งหน้าสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก ในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือปี 2552
มองคู่แข่งมองตัวเอง
วาสิต กล่าวถึงภาพรวมของการแข่งขันว่า สำหรับตลาดล่างแข่งขันในเรื่องราคา ส่วนตลาดบนแข่งขันด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเต้นท์เป็นสินค้าที่แข่งขันหนัก ส่วนใหญ่เป็นตลาดในประเทศที่แข่งตัดราคา ปัจจุบันสินค้าในกลุ่มเอาท์ดอร์จากประเทศจีนเข้ามาตีตลาดล่างถึง 80% สำหรับการแก้ปัญหาจะไม่รอตั้งรับแต่จะรุกกลับไปโดยการนำสินค้าจากไทยเข้าไปบุกตลาด อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายระดับ beginner ยังไม่อิ่มตัว มีช่องว่างให้เข้าไปอีกมาก ในส่วนของบริษัทฯ ยังผลักดันให้กลุ่มเป้าหมายยกระดับขึ้นไปเพื่อขยายตลาด
นอกจากนี้ ยังใช้แนวทางสร้างพันธมิตรหลากหลาย ทั้งในด้านการผลิตจับมือกับโรงงานเป็นหุ้นส่วนกัน การร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ เพื่อทำอีเว้นท์ต่างๆ ร่วมกัน รวมทั้งการนำเข้าสินค้าแบรนด์นอกมาจำหน่ายด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ผลิตเองไม่ได้และเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงอยู่แล้ว เช่น ไฟฉาย รองเท้า กระติกน้ำ เครื่องกรองน้ำ
สำหรับ "Karana" สามารถเจาะช่องทางจำหน่าย ทั้งห้างที่มีศักยภาพ โมเดิร์นเทรด สเปเชี่ยลตี้สโตร์ และไดฟ์ชอป
แต่สำหรับ "EQUINOX Extreme" เสื้อผ้าในกลุ่มเอาท์ดอร์ แอดเวนเจอร์ ในเซ็กเม้นท์ functional คือ การเป็นสินค้าเซ็กเม้นท์ใหม่ไม่มีช่องทางจัดจำหน่ายในร้านค้าปลีกให้แทรกตัวเข้าไปเพราะมีกลุ่มเมนส์แวร์และสปอร์ตอยู่แน่นแล้ว ทำให้ต้องเปิด "EQUINOX Shop" ในแบบ full concept เพื่อเป็นศูนย์รวมสินค้าต่างๆ และอุปกรณ์แคมปิ้ง ปัจจุบันมี 4 แห่ง ที่สุขุมวิท ,พระราม3, ดิสคัฟเวอรี่ และหัวหินมาร์เเก็ตเพลส และกำลังจะเปิดอีก 1 แห่งที่เซ็นทรัลเวิลด์ ในเดือนพฤษภาคมนี้
จากการทำตลาดตามแผนที่วางไว้ วาสิต คาดว่าเป้าหมายปี 2549 จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 110 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดในประเทศ 90 ล้านบาท และต่างประเทศ 20 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2548 ยอดขาย 80 ล้านบาท
บทเรียนก่อนถึงวันนี้
วาสิต ย้อนอดีตว่า ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจเข้าสู่ตลาด เอาท์ดอร์ แอดเวนเจอร์ รุกเปิดตลาดอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่แรก โชว์เทคโนโลยีใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจที่ใช้ในสินค้าในนำอุปกรณ์แคมปิ้งต่างๆ อย่างครบเครื่องมาสาธิตให้ตลาดรับรู้ด้วยการใช้แบรนด์ "Travelgear" แทรเวิลเกียร์ ปรากฎว่าติดตลาดในปีแรก
แต่ในปีที่สองกลับต้องสะดุด เป็นเพราะเกิดความผิดพลาดจากการขยายมากและเร็วเกินไปทั้งบุคลากรและสินค้า โดยลืมคิดไปว่าเป็นสินค้าตามฤดูกาล ทำให้ต้องเปลี่ยนแบรนด์เป็น "Karana"
การทำตลาดในขณะนั้นสินค้าใหม่ๆ ถูกพัฒนาออกมาหลากหลาย เต้นท์ได้รับการตอบรับดี ส่วนหนึ่งมาจากวัตถุดิบที่มีเทคโนโลยีแตกต่างจากรายอื่น แต่มีสินค้าที่ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่คาดไว้ คือ กระเป๋ากันน้ำ
นอกจากนี้ เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น ยังขยายไปสู่ไลน์เสื้อผ้ารุกตลาดต่างประเทศ แต่มองตลาดผิดพลาดนำสินค้าเข้าไปวางในตลาดระดับกลาง ทั้งที่ตลาดมีเพียง 2 ตลาด คือ ราคาสูงกับต่ำเท่านั้น เพราะตลาดบนลูกค้าไม่ห่วงเรื่องราคาสักเท่าไรและตลาดล่างเน้นแข่งกันที่ราคา
แต่ปีที่ 3 ก็เริ่มรู้ว่าจะไปในทิศทางใด เมื่อการแข่งขันมากขึ้นทำให้พัฒนาคุณภาพมาตรฐานซึ่งเป็นทิศทางที่ต้องการเพราะจะทำให้ขยายตลาดได้กว้างขึ้น
ในปีที่ 4 จึงเริ่มตั้งหลักได้อย่างถูกแนวทาง และเริ่มเข้าสู่ตลาดเสื้อผ้า functional เซ็กเม้นต์ที่ไม่มีใครทำ เข้าสู่ตลาดในประเทศซึ่งไปได้ดี ในแบรนด์ "EQUINOX Extreame"
วาสิต ย้ำว่า ความสำเร็จมาจากการให้ความรู้กับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้
เขาวิเคราะห์ความแตกต่างของแบรนด์ "Karana" ว่า การรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายยังไม่เห็นความแตกต่างกับคู่แข่งเท่าไรนัก แต่สำหรับแบรนด์ "EQUINOX Extreame" สามารถเห็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการทำตลาดนั่นเอง ที่สำคัญสินค้าเอาท์ดอร์ต้องทำตลาดแบบครบทุกระดับเพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้ได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ด้วยความมั่นใจว่า Outdoor Adventure จะเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยและตลาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแน่นอน เพราะตลาดในอเมริกาและยุโรปเติบโตมาก และแนวโน้มของโลกไร้พรมแดนกระแสการเปลี่ยนแปลงจะเกิดเร็วขึ้น โดยเฉพาะตลาดเสื้อผ้า functional ยังมีโอกาสอีกกว้างไกลทำให้บริษัท เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น บุกเบิกสร้างฐานและสะสมประสบการณ์มาก่อน เพราะเมื่อถึงช่วงจังหวะบูมก็จะเติบโตไปกับเส้นทางนี้ได้อย่างสดใสสวยงาม
********************************************
เกาะกลุ่มจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาด
กิจกรรมส่งเสริมการตลาดประเภทงานแสดงสินค้าและสัมมนา สำหรับสินค้าและตลาดที่ต้องการคำอธิบายหรือการให้ความรู้เป็นหนึ่งในหนทางที่จะทำให้ผู้ขายเข้าถึงผู้ซื้อได้ดี
ในช่วงวันที่ 18-21 พฤษภาคม 2549 บริษัท เอ็น.ซี.ซี.เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (นีโอ) จะจัดงาน มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำและท่องเที่ยวผจญภัย หรือ "Thailand Travel and Dive Expo 2006" และ มหกรรมท่องเที่ยวผจญภัยแห่งประเทศไทย หรือ "Thailand Outdoor Adventure" ขึ้นที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวไทยมีพฤติกรรมและความสนใจในกิจกรรมดำน้ำและผจญภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้มีมากมาย ในส่วนของการดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็น คอร์สเรียนดำน้ำ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามระดับติดอันดับโลก ด้วยความที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามมากมาย แหล่งดำน้ำใต้ท้องทะเล สภาพภูมิอากาศและบรรยากาศน่าประทับใจ ตลอดจนการจัดรายการนำเที่ยวหลากหลายรูปแบบ
สำหรับการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย มีองค์ประกอบสนับสนุนที่สำคัญทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัยที่สวยงามในหลายจังหวัด ปัจจุบันหลายแห่งเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังขาดการประชาสัมพันธ์ที่ได้ผล
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองงานนี้ถือเป็นงานใหญ่ มีผู้ประกอบการมาออกบูธประมาณ 200 บูธ นอกจากจะมีอุปกรณ์และสินค้าต่างๆ อย่างหลากหลายให้เลือกซื้อ เช่น อุปกรณ์เดินป่า อุปกรณ์ดำน้ำ อุปกรณ์ปีนหน้าผา เต้นท์ เครื่องแต่งกายที่เหมาะสม หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวแบบต่างๆ
พร้อมทั้งสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจก็มีให้เลือกเข้าฟัง เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยอย่างถูกวิธี วิธีดำน้ำที่ปลอดภัย เทคนิคการถ่ายภาพใต้น้ำ และยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกและแสดงความสามารถอีกด้วย เช่น การประกวดภาพถ่ายใต้น้ำ การแข่งปีนหน้าผาจำลอง
ทางผู้จัดคาดว่า ในปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1 แสนคน และเกิดการใช้จ่ายประมาณ 200 ล้านบาท เพราะการจัดในครั้งก่อนก็ได้รับความสำเร็จมาแล้ว
ดังนั้น กิจกรรมทางการตลาดเช่นนี้จึงมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดนี้ไม่น้อย แน่นอนว่าสินค้าในกลุ่ม Outdoor Adventure จะมีโอกาสสร้างการรับรู้และขยายตลาดมากขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|