โอเชี่ยนเกาะกระแส“มารีน่า”มาแรงชูจุดขายท่าเทียบเรือยอช์ท


ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 เมษายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“โอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้” เกาะกระแส “มารีน่า” มาแรง ลุยพัฒนาคอนโดมิเนียมหรู ริมชายทะเลพัทยา ชนภูเก็ต ชูจุดเด่นมีท่าเทียบเรือยอช์ทของตัวเอง ส่วนแผนลงทุนปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า ทุ่ม 2,800 ล้านบาท ทำคอนโดมิเนียม โรงแรม รีสอร์ท แอนด์ สปา ย่านแหล่งท่องเที่ยวดัง และใจกลางกรุงเทพฯ

พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต่างชาติเริ่มรู้จักกันมากขึ้นรองจากภูเก็ต ทำให้บริษัท โอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดได้เปรียบในแง่การตลาด โดยเฉพาะการทำโครงการคอนโดมิเนียม พร้อมที่ท่าจอดเรือยอช์ทที่เป็นของบริษัทเอง เน้นกลุ่มลูกค้าเศรษฐีที่ชื่นชอบการล่องเรือและต้องการบ้านพักตากอากาศหลังที่2

ทั้งนี้ เนื่องจากไทยมีท่าจอดเรือยอช์ทที่เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการ 2 แห่ง คือภูเก็ตและพัทยา ทั้งนี้ความได้เปรียบของโอเชี่ยนฯ คืออยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ ใช้เวลาในการเดินทางเพียงชั่วโมงครึ่ง ขณะที่ค่าครองชีพถูกและอยู่ฝังอ่าวไทยที่คงไม่เจอผลกระทบจากสึนามิ

ขณะที่ภูเก็ตซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกมีชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวกับปีละหลายแสนคนและมีท่าเทียบเรือให้ลูกค้า แต่ภูเก็ตมีข้อเสียตรงที่มีค่าครองชีพสูง และไกลจากกรุงเทพฯทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางไปกลับในวันเดียว และการล่องเรือในน่านน้ำอันดามันมีความเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิเหมือนที่ผ่านมาก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง ทำให้โอเชี่ยนฯต้องเร่งปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ด้วยการดึงนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวในพัทยามากขึ้น ด้วยการร่วมจัดกิจกรรททุกๆ2 เดือนในอ่าวไทยและมีกิจกรรมใหญ่อย่าง Top of the Gulf International Regatta ที่เป็นการแข่งเรือใบระดับนานาชาติ ซึ่งจัดประจำเป็นทุกๆปีและปีนี้เป็นปีที่ 2 ซึ่งหวังว่านักท่องเที่ยวจะมาเลือกซื้อโครงการของโอเชี่ยนฯ

ทั้งนี้บริษัทโอเชี่ยนฯมีแผนที่จะพัฒนาโครงการ 5-6 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 2,800 ล้านบาท ในย่านแหล่งท่องเที่ยวเมืองพัทยา หัวหิน พังงา และกรุงเทพฯ เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งไทยและต่างชาติ

นุสรา บัญญัติปัยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยถึงนโยบายการลงทุนในปี 2549 ว่า จะใช้งบลงทุนประมาณ 1,100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ 4 แห่ง ได้แก่

1.โอเชี่ยน พอร์โตฟีโน่ เป็นคอนโดมิเนียม ตั้งอยู่ที่หาดจอมเทียนพัทยา อยู่บริเวณเดียวกับโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ เป็นห้องชุดระดับไฮเอนด์ บนเนื้อที่ 120ไร่ สูง36 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 76-233 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่4.9 ล้านบาท มูลค่าขายรวม 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 30% คาดว่าจะปิดการขายภายในปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

2.โอเชี่ยน วิลล่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นบ้านพักหรูสไตล์โบราณผสมผสานระหว่างไทยคอมเทมโพรารี่และวิคตอเรียน มี 3 แบบ คือ ภูรฉัตร นเรศ และ แสนสำราญ พื้นที่ใช้สอย 100-300 ตางราเมตร จำนวน 18 ยูนิต ขนาด 3-6 ห้องนอน ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป บนเนื้อที่ 11 ไร่ โดยบ้านตัวอย่างจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนต.ค.2549 มูลค่า 400ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายภายในต้นเดือนหน้า

3.โรงแรมโอเชี่ยนรีสอร์ทแอนด์สปา เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ห่างจากสนามบินหัวหินเพียง 1กิโลเมตร จำนวน100ยูนิต บนพื้นที่20ไร่ ประกอบด้วย วิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว จำนวน 56 ยูนิต และห้องสวีท จำนวน 14 ห้อง ราคา 8,000 บาทต่อคืน มูลค่า 900 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดดำเนินการเดือนก.ค.นี้

4.คอนโดมิเนียม ซอยนายเลิศ ถนนเพลินจิต เป็นบูติคคอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น ขนาด 50 กว่าตารางเมตร จำนวน 48 ยูนิต ราคาขาย 80,000-100,000บาทต่อตารางเมตร หรือราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป คาดว่าจะสามารถตอกเสาเข็มหลังสงกรานต์

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2550 บริษัทมีนโยบายจะทำโครงการโอเชี่ยน รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งอยู่ที่เกาะยาว จ.พังงา โครงการดังกล่าวอาจจะพัฒนาต่อเนื่องจากโครงการที่หัวหิน ทั้งนี้โครงการนี้ได้ชะลอออกไปหลังจากเกิดภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ จากเดิมที่จะพัฒนาเป็นสไตส์รีสอร์ทแอนด์สปา

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการย่านพระราม3 เป็นคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา สูง 42 ชั้น บนเนื้อที่ 4 ไร่ โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งได้ออกแบบและขออนุญาตการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปีหน้า


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.