"วรวรรณ ธาราภูมิ กองทุนตราสารหนี้ยังไปได้อีกไกล"


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

"การที่บริษัทเสนอขายกองทุนตราสารหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของตลาดตราสารหนี้ไทยมีสูงมาก โดยคาดว่าในปีอีก 5-6 ปีข้างหน้า สัดส่วนการลงทุนในหุ้นทุนและตราสารหนี้จะอยู่ที่ 50% แม้ว่าการลงทุนในหุ้นทุนจะยังได้รับผลทุนผลกระทบจากความผันผวนของดัชนี แต่หุ้นทุนยังคงให้ผลตอบแทนที่สูง ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนคงที่ แต่ก็ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่งประมาณ 1%"

นั่นคือคำกล่าวชี้แจงอย่างหนักแน่นของวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยเอเชีย จำกัด ที่กล่าวถึงเหตุผลที่ออกกองทุน ตราสารหนี้ใหม่อีก 2 กองทุน โดยให้ธนาคารเอเชีย หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นตัวแทน สนับสนุนการขายและรับซื้อหน่วยลงทุนกองทุน

"การที่แนวโน้มการเติบโตของกองทุนตราสารหนี้ (FIXED INCOME) มีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมนี้มีอัตราการเติบโตสูงถึง 111.08% จากปีก่อน ในขณะที่กองทุนประเภททุนและกองทุนที่ลงทุนเฉพาะเจาะจงมีอัตราการเติบโตลดลง 2.27% และ 17.78% ทำให้เราตัดสินใจออกกองทุนใหม่"

แนวความคิดของวรวรรณ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับของจุลกร สิงหโกวินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) ที่เชื่อมั่นว่าการจัดตั้งกองทุนเปิดเอเชียตราสารหนี้ว่า เนื่องจากปัจจุบันตลาดตราสารหนี้ กำลังเติบโตและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายรวมในชมรมผู้ค้าตราสารหนี้ในไตรมาสแรกของปีนี้สูงถึงร้อยละ 38.6 จากระยะเดียวกันของรอบปี 2538 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 95,020 ล้านบาท จากภาวะการเติบโตรวมทั้งอัตราผลตอบแทนที่จูงใจแก่นักลงทุน

สำหรับกองทุนดังกล่าวคือเอเชียตราสารหนี้ทวีกำไร และ เอเชียตราสารหนี้ปันผลโดยมีมูลค่ากองทุนละ 5,000 ล้านบาท กำหนดราคาขายหน่วยลงทุนครั้งละ 10 บาท โดยต้องจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท มีนโยบายในการลงทุนตราสารหนี้ ที่มีคุณภาพดี แต่มีนโยบายการจ่ายปันผลที่แตกต่างกัน กล่าวคือกองทุนเปิดตราสารหนี้ทวีกำไรไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล แต่จะนำเงินกำไรที่ได้ไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่ม

สำหรับกองทุนเปิดตราสารหนี้ปันผล มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรในแต่ละงวด โดยกองทุนทั้งสองกองจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเงินส่วนที่เกินทุน และยกเว้นภาษีเงินปันผลในนิติบุคคลที่ถือหน่วยลงทุน

สำหรับผลการดำเนินการของกองทุนรวมตราสารหนี้ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ วรวรรณ เล่าว่าทั้งระบบ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2538 มีอัตราขยายตัวขึ้นถึง 3,259.92 ล้านบาท โดย บลจ.ที่มีส่วนแบ่งการตลาดด้านนี้สูงสุดคือ บลจ. บัวหลวง เท่ากับ 33.99% หรือมีอัตราการเติบโตถึง 246.94% มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุนรวม 15,234 ล้านบาท อันดับสองคือ บลจ. วรรณอินเวสเม้นท์ มีอัตราการเติบโต 47.23% มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วย 6,210 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 13.86% ขณะที่บริษัทไทยเอเชียซึ่งมีจำนวนกองทุนตราสารหนี้ 4 กองทุน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุนจำนวน 2,182 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 4.87%

อย่างไรก็ตามกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.ไทยเอเชีย ณ วันที่ 24 พ.ค. 2539 มีทั้งสิ้น 7 กองทุน โดยมีมูลค่ารวมทั้งหมด 3,199.69 ล้านบาท

วรวรรณเล่าถึงแผนงานในปีนี้ว่าภายในสิ้นปีนี้ไทยเอเชียพยายามจะเพิ่มกองทุนและสร้างมูลค่าเม็ดเงินให้ได้ถึง 11,043 ล้านบาท

ในส่วนประเภทของกองทุนเมื่อเทียบสิ้นปี 2538 กับไตรมาสแรกของปีนี้ ในส่วนของกองทุนรวมประเภทลงทุนในหุ้นมีถึง 156,220 ล้านบาทลดลง 2.27% กองทุนประเภทตราสารหนี้ มูลค่ารวม 44,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่น่าพอใจ แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวลดลง ซึ่งลูกค้าอาจจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินลดลง แต่สามารถที่จะเลี่ยงมาลงทุนในตราสารหนี้ประเภทอื่นแทนได้

นอกจากงานประจำในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่บริษัทไทยเอเชียแล้ว วรวรรณยังทำงานรับใช้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจำกัดในฐานะกรรมการสมาคมอีกด้วย วรวรรณ ได้เล่าถึงการประชุมคณะกรรมการสมาคม บลจ. ว่า ได้มีการแบ่งงาน โดยมีคณะทำงานขึ้นมาดูแล และการพัฒนาตลาดทุนกฎเกณฑ์ใหม่และตราสารอนุพันธ์มีธีระ ภู่ตระกูลเป็นประธานคณะทำงาน ส่วนเรื่องจรรยาบรรณและการฝึกอบรมนั้น วรวรรณจะเป็นผู้รับผิดชอบเองและในเดือน ก.ค. นี้จะมีการฝึกอบรมผู้จัดการกองทุนตามที่ ก.ล.ต. ได้กำหนด

สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ววรวรรณมีประวัติการศึกษาที่น่าสนใจโดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านสถาปัตยกรรม จากมหาวิทยาลัยศิลปากร หลังจากนั้นจึงบินข้ามฟ้าไปศึกษาต่อทางด้านการตลาดที่ NORTH TEXAS STATEUNIVERSITY DENTON, TEXAS, ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อจบการศึกษา วรวรรณก็เริ่มงานครั้งแรกที่บริษัทดาต้าแมท ในตำแหน่ง ACCOUNT EXECUTIVE เพียงสองปีก็ย้ายงานมารับผิดชอบตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย งบประมาณและวางแผนที่ธนาคารเอเชีย เธอใช้ชีวิตการทำงานที่ธนาคารเอเชียเกือบ 7 ปี ซึ่งตำแหน่งล่าสุดก่อนจะออกก็คือเป็นผู้จัดการศูนย์บุคคลธนกิจ

หลังจากออกจากธนาคารเอเชียแล้วเธอยังคงคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเงินตลอดมาจนมาเป็นผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวางแผนและสารสนเทศและเลขานุการคณะกรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอกธนาประมาณ 2 ปีเศษ จนกระทั่งธนาคารเอเชียเปิดบริษัทในเครือคือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยเอเชีย จำกัด เมื่อปี 2538 เธอจึงได้รับการเชื้อเชิญให้มาอยู่ใต้ชายคาของธนาคารเอเชียเป็นคำรบสอง การกลับมาครั้งนี้ แม้ว่าธุรกรรมการเงินจะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น

แต่วรวรรณก็เชื่อว่ากองทุนตราสารหนี้ยังไปได้ดี แม้ว่าจะเริ่มช้ากว่าธนาคารอื่นไปบ้างก็ตาม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.