ดอกเบี้ยขาขึ้น-การเมืองยังไม่นิ่ง "บีที-เอ็มเอฟยี"ใช้กองทุนผสมล่อ


ผู้จัดการรายวัน(10 เมษายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น-สถานการณ์การเมืองยังไม่สงบ "บลจ.บีที-เอ็มเอฟซี"ชิงจังหวะออกกองทุนหุ้นผสมตราสารหนี้ เอาใจนักลงทุนที่ยังลังเลเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น "อนุสรณ์"ชี้ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสทะลุ 800-850 จุด หลังการเมืองนิ่ง ส่วนผลการประชุมกนง.วันนี้คาดขึ้นอาร์/พี 0.25% ขณะที่ค่ายเอ็มเอฟซี เตรียมเปิดตัวกองทุนเอ็มเอฟซี ซิกซ์ที คิวบ์ เฟ้นหุ้น 16 ตัว พื้นฐานเจ๋ง ลงทุนแค่ 16 เดือน

ในช่วงที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์กลับมามีการซื้อขายอย่างคึกคัก หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง และอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศยังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงไตรมาสสี่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) .บีที จำกัด เตรียมออกกองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส ขณะที่บลจ.เอ็มเอฟซี เตรียมออกองทุนรวมเอ็มเอฟซี ซิกซ์ทีน คิวบ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนเพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งจากตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังวิกฤตการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย แนวโน้มรคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะสามารถปรับตัวให้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย SET Index สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสแตะระดับ 80-850 จุด ได้ภายในปีนี้ โดยปัจจัยสำคัญจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มองเห็นว่า ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยยังน่าลงทุน และราคาถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ และเศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

"ในช่วงที่ภาวะสตลาดหลักทรัพย์กลับมามีการซื้ออย่างคึกคัก หลังจากตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง และอัตราดอกเบี้ยภายในยังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงไตรมาส 4 บลจ.บีที ออกกองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนได้ทั้งในตราสารแห่งทุนเช่น หุ้น หรือตราสารหนี้เช่น พันธบัตร หุ้นกู้บริษัท ตามจังหวะทีเหมาะสม" นายอนุสรณ์กล่าว

สำหรับการพิจารณาการลงทุนจะมีแนวทางดังนี้คือ การลงทุนในหุ้นจะเน้นหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นผู้นำอุตสาหกรรม โดยหากเป็นภาคการผลิตจะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หรือกลุ่มวัตถุดิบ และสินค้าอุตสาหกรรม หากเป็นภาคบริการจะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน และเน้นการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET 50

ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้จะเลือกลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ ตราสารหนี้ภาครัฐ หรือหุ้นกู้ภาคเอกชนเฉพาะที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อใน 4 อันดับแรก

กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที กล่าวอีกว่า ในระยะแรกกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากเท่านั้น ซึงจะได้ผลตอบแทนดีในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในวันที่ 10 เมษายนนี้ และเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองรวมทั้งภาวะตลาดหุ้นดีขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ กองทุนจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น บริษัทจัดการจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ และจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในระหว่าง 7 วันทำการดังกล่าว กองทุนจะเปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 10-17 เมษายน มูลค่าขั้นต่ำการซื้อ 5,000 บาท มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท

ขณะที่รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ได้อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) จัดตั้งกองทุนรวมเอ็มเอฟซี ซิกซ์ทีน คิวบ์ ซึ่งมีนโยบายลงทุนผสมที่ไม่กำหนดสัดส่วนในตราสารแห่งทุน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุโครงการ 16 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม

สำหรับการลงทุนจะกระจายเงินลงทุนของกองทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง โดยสัดส่วนการลงทุนตามนโยบายดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบรัทจัดการกองทุนรวมตามความเหมาะสมกับสถาการณ์ในแต่ละขณะ โดยเน้นการลงทุนในตราสารแห่งทุนประมาณ 16 หลักทรัพย์ เพื่อตอบแทนการลงทุนที่ดีและเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.