|
สยามแก๊สแต่งตัวเข้าตลท.ปีนี้ เล็งขายหุ้นประชาชน 240 ล้าน
ผู้จัดการรายวัน(7 เมษายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
สยามแก๊สตั้งเป้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ เตรียมยื่นไฟลิ่งไตรมาส 3 เล็งเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนทั่วไป 240 ล้านหุ้น หวังนำเงินไปชำระคืนเงินกู้บางส่วน และนำไปลงทุนในโครงการเพิ่มอีก 2-3 โครงการ พร้อมดึงพันธมิตรจากญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาถือหุ้น
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายก๊าซหุงต้ม(LPG) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ประมาณไตรมาส 3 /49 ซึ่งก่อนที่บริษัทจะมีการยื่นไฟลิ่งบริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP) จำนวน 50 ล้านหุ้น ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ1 รายจากประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะซื้อหุ้นของบริษัท และมีนักลงทุนสถาบันในประเทศ 2 รายให้ความสนใจเช่นกันอีก ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ก่อนที่จะมีการยื่นไฟลิ่ง
ทั้งนี้บริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท และมีการจัดสรรจัดสรรหุ้นสามัญอีก 20 ล้านหุ้น เพื่อรองรับ ESOP ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นดังกล่าวเพิ่มเป็น 980 ล้านหุ้น จากขณะนี้ที่มีทุนจดทะเบียนที่ 670 ล้านหุ้น
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้บางส่วนซึ่งขณะนี้บริษัทมีเงินกู้จำนวน 3,000 ล้าน คิดเป็นหนี้สินต่อทุน (D/E) 4 เท่า และบางส่วนนำไปลงทุนในโครงการประมาณ 2-3 โครงการมูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนระยะเวลา 4 ปี โดยจะมาจากเงินกู้ 70% และมาจากเงินที่ได้ไอพีโอ 30%
“บริษัทคาดว่าพยายามที่จะเข้าตลาดหุ้นให้ทันภายในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะประมาณปลายปีนี้ แต่ก็จะต้องดูภาวะบรรยากาศการลงทุนอีกครั้ง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดราคาขายหุ้น ซึ่งบริษัทต้องการที่จะยื่นไฟลิ่งให้ทันในปีที่ผ่านมาเพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ก็ติดปัญหา เพราะ ในการจัดโครงสร้างจากที่บริษัทมีบริษัทย่อยมากถึง 10 บริษัท แต่การเข้าตลท.ของบริษัทไม่ได้เป็นลักษณะโฮลดิ้งแต่อย่างใด”นายศุภชัย กล่าวว่า
สำหรับเงินทุนที่ได้จะใช้ในโครงการลงทุนในอนาคตระยะ 4 ปี มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินจะมาจากการกู้เงิน 70% ที่เหลือมาจากการขายหุ้นไอพีโอ ทั้งนี้ เงินดังกล่าวจะใช้พัฒนาใน 2-3 โครงการ ส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนพลังงานทดแทนซึ่งมีแนวโน้มจะมีการเติบโตในภาวะที่ราคาพลังงานอยู่ในระดับสูง และรุกธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ที่น้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวมเกือบ 100% มาจากการขายก๊าซหุงต้ม
นายศุภชัย กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปี 2549 เพิ่มขึ้น 12% ซึ่งเป็นระดับการเติบโตระดับเดียวกับปี48 โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 10,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตมากว่าทุกปีที่มีการเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 5% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทำให้ภาคอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มรถยนต์หันมาใช้ LPG แทน รวมทั้งได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และคาดว่าในปีนี้จะรักษาการเติบโตในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา
สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากการขายในประเทศจำนวน 85% ขายในต่างประเทศ 15% ซึ่งตลาดในต่างประเทศมีประเทศ เวียดนาม กัมพูชา ฯลฯ โดยขณะนี้บริษัทมีถังแก๊สรวม 2 บริษัท คือ บริษัท สยามแก๊ส และยูนิคแก๊สที่บริษัทไปซื้อกิจการเมื่อปี 2547 จำนวน 8 ล้านใบ
ทั้งนี้บริษัท สยามแก๊สมีลูกค้า 3 กลุ่มหลัก คือลูกค้าก๊าซรถยนต์ ลูกค้าอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน ซึ่งบริษัทดำเนินการขายผ่านแบรนด์สยามแก๊ส และยูนิคแก๊ส ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน30% เป็นอันดับสองรองจากปตท. และมียอดขายประมาณ 65,000 ตันต่อเดือน
ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย บริษัท พรหมมหาราชพัฒนาที่ดิน จำกัด 60% นายไมตรี ยิ้มแย้ม 11% นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ 9%
สำหรับคณะกรรมการของบริษัท นั้นมี พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ นายวิโรจน์ คลังบุญครอง เป็นกรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ มีนายหาญ เชี่ยวชาญและนายสุดจิต ทิวารี เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ อาจทำให้ผู้ลงทุนมองว่าเป็นหุ้นการเมืองนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่น่าจะมองอย่างนั้นเนื่องจากบุคคลทั้ง 4 ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง และไม่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็นเพียงกรรมการเท่านั้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|