|
ปั้นบลจ.ไทยพาณิชย์ผงาดเบอร์1 ฉกฐานลูกค้าเงินฝากแบงก์คู่แข่ง
ผู้จัดการรายวัน(7 เมษายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ลั่นปีหน้ามีโอกาสเห็นบลจ.ไทยพาณิชย์ ผงาดขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจจัดการลงทุน หลังผู้บริหารซุ่มทำงานหนักติวเข้มพนักงานสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ เจาะฐานลูกค้าเงินฝากธนาคารคู่แข่ง ด้วยการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินที่สามารถมัดใจลูกค้าให้ลงทุนผ่านบลจ.ในเครือ ชี้ดอกเบี้ยเงินฝากขยับไม่ส่งผลกระทบลูกค้าบลจ.หด อ้างเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ยังขยับ ขณะที่NAVบลจ.พุ่ง
หลังการขยับตัวของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมุ่งสู่ความเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการการเงินครบวงจร (ยูนิเวอร์เซลแบงกิ้ง) ได้เป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญซึ่งทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด บริษัทในเครือมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ภายใต้การบริหารจัดการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันสามารถผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 2 ในธุรกิจจัดการกองทุน ภายใต้การบริหารของนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ ที่ทุ่มเทการทำงานร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อวางรากฐานในการเพิ่มฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวมภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.ไทยพาณิชย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2546 พอร์ตกองทุนภายใต้การบริหารมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 21,441 ล้านบาท ก่อนเพิ่มมาเป็น 42,989 ล้านบาท และในปี 2548 ทะยานตัวเพิ่มขึ้นเป็น 113,824 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 164% ในปี 2548 ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมขยายตัวประมาณ 59%
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบลจ.ไทยพาณิชย์ ให้มีความชัดเจนขึ้น โดยมีการโยกพอร์ตกองทุนส่วนบุคคล และพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของบริษัทในเครือของธนาคารไทยพาณิชย์ และพอร์ตลูกค้าของธนาคารมาให้บลจ.ไทยพาณิชย์บริหาร ซึ่งทำให้พอร์ตบริหารกองทุนขยับเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ และช่วยลดต้นทุนในการบริหารให้มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นในปัจจุบัน และสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ เริ่มส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของธุรกิจกองทุนรวม เพราะต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจุดนี้อาจทำให้บลจ.ที่มีธนาคารพาณิชย์เป็นบริษัทแม่ดึงฐานลูกค้าเงินฝากกลับ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของบลจ.ปรับตัวลดลง
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบกับบลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นบลจ.ในเครือมากนัก เนื่องจากนโยบายการทำธุรกิจของบลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ซึ่งจุดนี้ทำให้สามารถเจาะฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารแห่งอื่นได้ แทนที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารไทยพาณิชย์เท่านั้น
"ดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้พอร์ตกองทุนของบลจ.ไทยพาณิชย์ปรับตัวลดลง แต่สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือ เงินฝากยังคงไหลเข้าธนาคารไทยพาณิชย์ ขณะที่เอ็นเอวีของบลจ.ไทยพาณิชย์ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" นายวิชิติ กล่าว
นายวิชิต กล่าวว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ฐานลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารกล่าวกันปากต่อปากถึงการให้บริการที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งทำให้ลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งปกติพฤติกรรมของลูกค้ารายใหญ่ที่ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์จะไม่ฝากบัญชีเดียวกับธนาคารแห่งใดแห่งหนึ่ง และการที่บลจ.เราบริการลูกค้าอย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้มีการพูดปากต่อปาก และตัดสินใจโยกเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นเข้ามาลงทุนผ่านบลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้พอร์ตกองทุนของบลจ.ไทยพาณิชย์ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง
นายวิชิต กล่าวว่า เชื่อว่าในปีหน้าบลจ.ไทยพาณิชย์น่าจะสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้ ซึ่งต้องให้เครดิตกับนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทุ่มเทการทำงานอย่างหนัก และประสานงานกับเครือข่ายสาขาธนาคารในการให้ความรู้ในเรื่องจัดการกองทุน ซึ่งทำให้สามารถใช้เครือข่ายสาขาเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่สำคัญของกองทุน
"ในช่วงที่ผ่านมาที่มีกระแสข่าวว่าจะโยกคุณอดิศร เข้ามาทำงานในธนาคารไทยพาณิชย์ ผมช็อกพอสมควร เพราะไม่เป็นจริงแต่อย่างใด และผลงานในช่วงที่ผ่านมาของคุณอดิศรถือว่ามีความโดดเด่นมาก" นายพิชิตกล่าว
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บลจ.ไทยพาณิชย์มีพอร์ตกองทุนรวม ภายใต้การบริหาร 115,068.63 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาด 13.91% เป็นอันดับ 2 รองจากบลจ.กสิกรไทย ที่มีพอร์ตกองทุนรวมจำนวน 137,590.61 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาด 16.63%
ขณะที่พอร์ตกองทุนส่วนบุคคลของบลจ.ไทยพาณิชย์ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 อยู่ที่ 2,927.96 ล้านบาท ส่วนพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 อยู่ที่ 6,143.28 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายนนี้จะมีการโอนพอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทในเครือเข้ามา ส่งผลให้พอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพปรับตัวเพิ่มเป็น 37,000 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|