|

GROW มั่นใจปีนี้โกยรายได้กว่า 3 หมื่นล.ยันผลจากการเมืองไม่กระทบธุรกิจไฟฟ้า
ผู้จัดการรายวัน(5 เมษายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
glow มั่นใจปีนี้โกยรายได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท ยันการเมืองไม่กระเทือนธุรกิจไฟฟ้า แถมกำไรดีกว่าปีก่อน เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงและต้นทุนถ่านหินลดลง อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตจากการสร้างโรงไฟฟ้าแบบ Cogeneration เพิ่มอีก 4-5 % ย้ำสุเอซ ไม่ขายหุ้นให้ กฟผ.แน่ เพราะเป็นสินทรัพย์หลักที่สร้างรายได้ พร้อมเชื่อจะประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่ได้ 1 โรงปลายปีนี้ ดันกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัว ระบุต่างชาติไม่กังวลการเมืองไทยเพราะใครขึ้นเป็นรัฐบาลเศรษฐกิจยังไปได้
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน บริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW เปิดเผยว่าบริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้ในปี 2549 ยังมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง อันเป็นผลจากการที่บริษัทได้มีการทำสัญญาซื้อขายผูกพันในระยะยาว อีกทั้งไฟฟ้าถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องบริโภค
สาเหตุที่คาดว่ารายได้และกำไรน่าจะดีกว่าปีก่อนด้วย เนื่องจากบริษัทไม่มีการหยุดซ่อมบำรุง อีกทั้งราคาถ่านหินที่เป็นต้นทุนนั้นลดลงไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน และสามารถขยายกำลังการผลิตจากการสร้างโรงไฟฟ้าแบบ Cogeneration อีก 4-5%
นายสุทธิวงศ์กล่าวยืนยันว่าทางบริษัทซุเอช ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GLOW นั้นยังไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นในกิจการโรงไฟฟ้าของ GLOW ให้กับ บริษัท กฟฝ. จำกัด (มหาชน) เนื่องจากธุรกิจของ GLOW ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของสุเอซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบกับสุเอซเองยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน
โดยธุรกิจหลักของสุเอซในยุโรปนั้น มีโอกาสที่จะขยายตัวได้น้อย เพราะ GDP ต่ำ ซึ่งหากจะเติบโตก็ไม่ใช่การเติบโตจากยุโรป โดยคงต้องเป็นการเติบโตจากเอเชีย อีกทั้งไม่มีความต้องการใช้เงินจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขายหุ้น GLOW ออกไป
อย่างไรก็ดี คาดว่าโครงการประมูลโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่ที่จะเปิดให้เอกชนเข้าประมูลในช่วงปลายปีนี้ตามกำหนดเดิมนั้น บริษัทคาดว่าน่าจะสามารถประมูลได้ 1 โรง ซึ่งก็จะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจาก ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 700 เมกะวัตต์
นายสุทธิวงศ์กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศว่า จากการที่ได้มีการพูดคุยกับนักลงทุนต่างประเทศนั้นไม่ได้มีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยมองว่าไม่ว่าใครจะมาบริหารประเทศก็สามารถพัฒนาประเทศให้เติบโตไปได้และเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแรงในขณะเดียวกันก็ยังมีการลงทุนจากต่างประเทศอยู่
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|