ในวัย 48 ปี วันนี้ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัททองสิมา เคหะกิจ
จำกัด อดีตนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรคนแรกของเมืองไทยเมื่อปี 2523 และนักพัฒนาที่ดินเก่าแก่ในย่านบางขุนเทียนได้หวนคืนสู่สนามการค้าขายโครงการที่อยู่อาศัยอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากหายเงียบไปนาน
การกลับมาครั้งนี้ของเขา ได้วางโครงการที่จะพัฒนาที่ดินไว้ 4 ประเภทใหญ่
ๆ คือ โครงการโรงแรม บ้านจัดสรร อพาร์ทเม้นท์ และโครงการมหาวิทยาลัย โดยในปี
2539 นี้ จะทยอยเปิดพร้อม ๆ กัน 4 โครงการ เริ่มตั้งแต่เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้เปิดโครงการ
"บ้านเจริญสุข" บนถนนประชาอุทิศ ในพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ เป็นโครงการบ้านและที่ดินจัดสรร
150 แปลง วันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้จะเปิดโครงการ "บ้านทองอุไร"
บนถนนจุลพงษ์ จัดสรร ซึ่งแยกจากถนนบางขุนเทียน-ทะเลเข้าไป ในเนื้อที่ 25
ไร่ เป็นบ้านแฝดประมาณ 150 หลัง
ส่วนในช่วงปลายปีนี้เปิด 2 โครงการพร้อมกันคือ บ้านราชมนตรีในเนื้อที่
25 ไร่ บนถนนหรรษาพัฒนา ย่านบางขุนเทียน เป็นทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 300 ยูนิต
และโครงการรีสอร์ท "ไร่วนกาญ" ซึ่งโครงการนี้เดิมก็คือ ไร่วโณทยาน
รีสอร์ทเก่าแก่ในจังหวัดกาญจนบุรีที่เคยมีชื่อเสียงมากในยุคหนึ่ง ปัจจุบันทางเจ้าของเก่าได้ขายไป
และทางญาณเดชได้เข้าไปเช่าที่ดินในระยะเวลา 30 ปี เพื่อปรับปรุงใหม่เป็นรีสอร์ทอย่างดี
จำนวน 250 ห้อง โดยพุ่งเป้าไปยังตลาดสัมมนา
ส่วนในปีหน้า ระหว่างที่พัฒนาโครงการของปีนี้ ก็จะเปิดโครงการมหาวิทยาลัยที่มหาชัยในเนื้อที่
500 ไร่ในโครงการมีทั้งสถานศึกษาและที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับคนย่านมหาชัยที่มีมากมาย
และอีกโครงการหนึ่งคืออพาร์ทเม้นท์ซึ่งจะทยอยสร้างกระจัดกระจายในทำเลต่าง
ๆ ย่านฝั่งธนฯ อีกประมาณ 8 จุด
นอกจากนั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ บนถนนพระราม 2 บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาได้มาเช่าที่ดินของญาณเดชไปอีก
100 ไร่ ซึ่งทำให้เขาเหลือที่รอบ ๆ บริเวณนั้นอยู่อีกจำนวนหนึ่งซึ่งสามารถรอเวลาเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยได้เช่นกัน
การกลับมาของเขาในคราวนี้เขาได้วางแผนไว้ค่อนข้างชัดเจนในการทำธุรกิจในที่ดินซึ่งมีอยู่มากมาย
ไม่ว่าพัฒนาเองในชื่อของบริษัทต่าง ๆ หรือการเข้าไปร่วมทุนในนามของบริษัทของตระกูลคือ
ทองสิมาเคหะกิจ
ก่อนหน้านั้นนอกจากเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรหลายโครงการย่านบางขุนเทียนที่เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว
ยังเป็นอาจารย์หนวดงามประจำคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และเป็นอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรอีกด้วย
ญาณเดชผละจากยุคทองในการทำโครงการบ้านจัดสรร และกระโดดไปเล่นการเมืองอย่างเต็มตัวในนามของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี
2528 รับตำแหน่งสมาชิกสภา กทม. เมื่อปี 2528-2532 และรับตำแหน่งที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อปี 2535-2538 และช่วงเวลาที่เขาทุ่มเทให้กับงานการเมืองอย่างเต็มที่นี้คือช่วงที่เขาหายเงียบไปจากวงการบ้านจัดสรร
แต่ได้กลับมาทำโครงการอยู่บ้างเมื่อปี 2533 คือโครงการมณฑลวิลล์ บนถนนพุทธมณฑลสาย
2
สถานการณ์หลังสงครามอ่าวเปอร์เซีย สภาวะเศรษฐกิจคงไม่เหมาะกับการทำโครงการขาย
แต่ในแง่ของการซื้อที่ดินเปล่าบางแปลงที่เจ้าของขายทิ้งในราคาที่ต่ำเพื่อเอาเงินก้อนใหญ่มาใช้นั้นคงยังมี
ดังนั้นแม้ไม่มีเวลาในการทำโครงการเอง แต่เขาไม่ได้หยุดซื้อที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัด
เหตุผลสำคัญที่จำเป็นต้องกลับมาใหม่ในวันนี้จึงเป็น เพราะเขามีที่ดินจำนวนมาก
จะขายที่ดินทิ้งก็เสียดาย ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ในการทำธุรกิจก็มีอยู่เต็มเปี่ยม
ประกอบกับสายสัมพันธ์ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐฯ ที่เกี่ยวพันกับการขอจัดสรรที่ดิน
ก็มีอยู่ รวมทั้งบรรดาทีมงานเองในบริษัทก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้น
ญาณเดชมั่นใจว่าในสถานการณ์ที่การขางขันหนักหน่วงนี้เขาไม่กลัว เพราะมีจุดเด่นที่นักพัฒนาที่ดินหลายรายไม่มีเช่นในเรื่องของการขายชื่อเสียงของผู้ประกอบการ
ซึ่งเคยทำโครงการมาแล้วมากมาย รวมทั้งการมีต้นทุนในการทำโครงการถูกมากเพราะส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินซึ่งซื้อไว้นานแล้ว
ส่วนในเรื่องกลยุทธ์ในการมองตลาดและการขายนั้น ญาณเดชก็คือนักการตลาดคนหนึ่งที่มี
ปริญญาตรีและปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกาทางด้านการบริหารธุรกิจ และยังเป็นผู้แต่งตำราทางด้านบริหารงานขายอีกหลาย
ๆ เล่มดังนั้นการมองตลาดของเขาจึงไม่น่าพลาดไม่ว่าภาวะของตลาดจะอยู่ในสภาพอย่างไร
และที่สำคัญ ส่วนใหญ่แล้วแต่ละโครงการ จะมีขนาดเล็ก ประมาณ 20-50 ไร่ ที่เปิดกระจัดกระจายไปทั่วซึ่งทำให้ง่ายต่อการบริหารงาน
ง่ายต่อการควบคุมการก่อสร้าง สามารถเปิดการขายได้รวดเร็ว และที่สำคัญ เขาเลี่ยงที่จะเปิดโครงการขายชนกับโครงการใหญ่
ๆ
เมื่อบริษัทยังมีแผนงานชัดเจนที่จะพัฒนาอีกหลายโครงการในปีนี้จึงจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรให้มั่นคงขึ้น
มีทีมงานที่จะเข้ามารองรับงานมากขึ้น แต่ที่แน่นอนคือญาณเดชไม่เคยทิ้งการเมือง
ญาณเดชคงไม่มีเวลาเต็มตัวที่จะบริหารโครงการที่อยู่อาศัยได้แน่นอน งานการเมืองยังหอมหวานสำหรับเขา
เพราะขณะนี้แน่นอนแล้วว่าเขาคือทีมงานคนหนึ่งของการลงสมัครตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ
มหานคร ของพิจิตต รัตกุล ในนามอิสระ หลังจากผิดหวังในการลงแข่งขันในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการ
กทม. มา 2 ครั้งแล้ว วันนี้เขายังพร้อมที่จะต่อสู้ใหม่อีกครั้ง
ดังนั้นแน่นอนว่าเหตุผลเบื้องลึกของญาณเดชที่กลับมาในครั้งนี้อีกอย่างก็คือ
เมื่อวางฐานในเรื่องธุรกิจของครอบครัวเรียบร้อยแล้ว เขาจะได้ทั้งเงิน และเวลามาเล่นการเมืองได้เต็มที่ขึ้นนั่นเอง