|
การเมืองยืดเกิน3เดือนอสังหาฯสะดุดแนะจัดสรรแบ่งเฟสพัฒนากันความเสี่ยง
ผู้จัดการรายวัน(4 เมษายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"อิสระ บุญยัง" ระบุหากการเมืองยืดเยื้อเกิน 3 เดือนกระทบภาคอสังหาฯ จากที่ปัจจุบันส่งผลแค่บ้านราคาแพงชะลอตัว ชี้แนวโน้มดีมานด์-ซัปพลายบ้านชะลอตัว ลุกลามต่ออัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง แนะผู้ประกอบการแบ่งเฟสพัฒนาป้องกันความเสี่ยง
นายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า นับจากเกิดปัญหาความไม่สงบที่ผ่านมาโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยยังไม่ถูกกระทบ แต่หากมีการยืดเยื้อออกไปอีกเกินกว่า 3 เดือน เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแน่นอน โดยเริ่มจากการจับจ่ายใช้สอยภาคประชาชนลดลง หลังจากนั้นภาคการผลิตจะชะลอตัว แม้จะไม่ลดกำลังการผลิต แต่ก็ไม่ลงทุนเพิ่ม ซึ่งเมื่อเรื่องยืดเยื้อออกไปนานถึง 2 ไตรมาส จะส่งผลกระทบต่อสินค้าประเภทรถยนต์หรือบ้าน ซึ่งต้องใช้เงินก้อนหรือเงินจำนวนมากในการซื้อหา ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือยมีการชะลอตัวซึ่งเป็นส่งผลดี
ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังไม่กระทบในขณะนี้ แต่หากการเมืองยืดเยื้อต้องส่งผลกระทบอย่างแน่นอน นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ถือเป็นช่วงของการตั้งรับ แต่หากตั้งรับนานๆจะกลายเป็นการล่าถอย เกิดการลดขนาดลง ซึ่งผู้ประกอบการบ้านราคาแพงเริ่มได้รับผลกระทบจากยอดขายชะลอตัวไปแล้ว สังเกตได้จากการออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายที่แรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาวะของตลาด หากการเมืองยืดเยื้อจะเห็นแนวโน้มของความต้องการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ในส่วนของสินค้ามีการชะลอตัวเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นความสมดุลของตลาด ทำให้ไม่มีปัญหาโอเวอร์ซัปพลาย แต่จะไม่มีอัตราการเติบโต ซึ่งส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวไปด้วย
นายอิสระกล่าวต่อว่า นับจากปี 2543 กฎหมายจัดสรรได้กำหนดให้การขออนุญาตจัดสรรต้องขอทั้งโครงการ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระด้านต้นทุนที่ดิน การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เงินค้ำประกันส่วนกลาง และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการได้ควบคุมจำนวนสินค้าด้วยการแบ่งเฟสพัฒนา เพื่อให้สัมพันธ์กับยอดขาย อีกทั้งยังลดภาระการแบ่งรับต้นทุนได้ เห็นได้จากผู้ประกอบการแต่ละรายดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ส่วนปัญหาการชะลอตัวของกำลังซื้อในช่วงนี้ ผู้ประกอบการอาจมีวิธีแก้ไขด้วยการแบ่งเฟสเพิ่มมากขึ้นอีก เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาย ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้
"กฎหมายจัดสรรกำหนดให้ต้องขออนุญาตก่อสร้างทั้งโครงการ แต่ผู้ประกอบการโครงการแนวราบสามารถแก้ได้ด้วยการแบ่งเฟสขาย ทำให้ลดความเสี่ยงลงไปได้ แต่ในส่วนของโครงการอาคารสูงไม่สามารถชะลอได้ต้องก่อสร้างเสร็จก็ต้องยอมรับภาระตรงนี้ไป โครงการอสังหาฯ ไม่ใช้จะคิดแค่วันนี้พรุ่งนี้ทำ แต่ต้องวางแผนมาแล้วไม่น้อย 6-1 ปี ดังนั้นโครงการที่เปิดขายในวันนี้อาจคิดกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในส่วนของโครงการที่ยังไม่เปิดก็สามารถชะลอการเปิดออกไปได้" นายอิสระกล่าว
แหล่งข่าวบริษัทอสังหาฯ กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่จะต้องจับตามองคือ โอกาสของจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จะเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน โดยในส่วนของบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัย ต่างยึดแนวการบริหารความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากค่อนข้างกังวลต่อความเปราะบางของการเมืองในขณะนี้ ประกอบกับแนวโน้มของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะขยายตัวลดลง ยิ่งเป็นแรงกดดันต่อผู้บริโภคที่หันมาดูแลการใช้จ่ายมากขึ้น
" ผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมาทรัพย์หรือต่อภาคธุรกิจอื่นเริ่มปรากฎเด่นชัดมากขึ้น ทำให้ทุกบริษัทมอนิเตอร์ปัญหาต่างๆอย่างระมัดระวัง การลงทุนพัฒนาโครงการใหม่หากยังไม่เกิดขึ้นก็ชะลอดูท่าทีไปก่อน ส่วนที่ลงทุนไปแล้วก็จะปรับวิธีการบริหารจัดการโครงการ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อภาระต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้น "แหล่งข่าวกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|